รถถังของกองทัพเวียดนามบุกเข้าทำเนียบเอกราชวันที่30เมษายนปี1975 (TTXVN) |
วันที่ 30 เมษายนเมื่อ 48 ปีก่อนเป็นวันที่สันติภาพได้กลับมาสู่ทุกท้องถิ่นของเวียดนาม เป็นวันที่ประเทศได้รับเอกภาพโดยสมบูรณ์และเส้นขนานที่ 17 ที่กั้นแบ่งสองภาคเหนือ-ใต้นั้นก็ได้กลายเป็นพยานทางประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งเท่านั้น
เปิดศักราชใหม่แห่งสันติภาพและการพัฒนา
สันติภาพ เอกภาพ เอกราช และความเจริญรุ่งเรืองคือเป้าหมายที่ทุกชาติได้มุ่งบรรลุรวมทั้งเวียดนาม โดยในประวัติศาสตร์ของประชาชาติเวียดนามนั้นได้บันทึกกระบวนการปกป้อง สร้างสรรค์และพัฒนาประเทศในระยะต่างๆและในตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ความคาดหวังที่ชาวเวียดนามได้มุ่งถึงก็คือการรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว และสิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นจริงหลังเสี้ยวเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของวันที่ 30 เมษายน ปี1975
นับตั้งแต่นั้นมา ชาวเวียดนามได้พยายามฝ่าฟันความยากลำบากและความท้าทายนานัปการเพื่อนำประเทศพัฒนาอย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 37 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ นับตั้งแต่ปี1986 โดยเศรษฐกิจของเวียดนามได้มีการเติบโตกว่าร้อยละ7 ต่อปีเป็นเวลาหลายปีติดต่อกันและกลายเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่มีการเติบโตในระดับสูงของโลก พร้อมทั้งได้มีการปฏิบัติกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการสร้างก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์ ดร. Irina Korgun ผู้อำนวยการศูนย์ยุทธศาสตร์รัสเซียในเอเชีย แสดงความคิดเห็นว่า “เวียดนามกำลังดำเนินภารกิจการพัฒนาตามแนวทางอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและเราก็เห็นถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคส่วนต่างๆตั้งแต่โรงงานประกอบชิ้นส่วนไปจนถึงการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ซับซ้อนเพื่อการปรับโครงสร้างโดยรวมของระบบเศรษฐกิจ”
ดร. Irina Korgun |
ด้านสวัสดิการสังคม จากที่เคยเป็นประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรต่ำที่สุดของโลก ปัจจุบัน เวียดนามสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ปานกลางระดับต่ำ โดยในปี 1988 รายได้ต่อหัวประชากรของเวียดนามอยู่ที่เพียง 86 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี แต่ใน 34 ปีต่อมา คือถึงปี 2022 ตัวเลขนี้ได้สูงถึงประมาณ 4,100 ดอลลาร์สหรัฐ และเวียดนามมุ่งมั่นที่จะบรรลุ ตัวเลข4,400 ดอลลาร์สหรัฐตามเป้าหมายที่สภาแห่งชาติได้วางไว้ในปีนี้ นาย Veeramalla Anjjaiah นักวิจัยอาวุโสของศูนย์วิจัยเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอินโดนีเซีย ประเมินว่า “เวียดนามได้ประสบผลงานที่น่ายินดีด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อประโยชน์ของประชาชน รวมทั้งประสบความสำเร็จที่โดดเด่นในทุกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และคะแนน SDG ในทุกด้านคือ 72.76 จาก 100 คะแนน นอกจากนี้ หนึ่งในผลงานที่น่าสนใจของเวียดนามในการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนคือการขจัดความอดอยากยากจนและการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน”
ยกระดับสถานะของเวียดนามบนเวทีโลก
นับตั้งแต่ได้รับสันติภาพกลับคือมา ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคม เวียดนามก็ผลักดันการสร้างเสริมบรรยากาศด้านการต่างประเทศที่เปิดกว้างแบบพหุภาคีและหลากหลาย เอื้อให้แก่ภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ โดยนับจนถึงปัจจุบันเวียดนามได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ190 จาก 193 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติ มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนกับกว่า230ประเทศและเขตแดน ในขณะเดียวกัน ขณะนี้มีนักลงทุนจาก142ประเทศและเขตแดนที่ลงทุนในเวียดนามในโครงการกว่า3หมื่น6พันแห่งรวมยอดเงินทุนกว่า440พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นาย อันโตนีโอ กูเตเรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ |
ในกรอบพหุภาคี เวียดนามเป็นสมาชิกขององค์การ ฟอรั่มระหว่างประเทศที่สำคัญกว่า70องค์กรเช่น สหประชาชาติ อาเซียน เอเปก เป็นต้น และจากผลสำเร็จของภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศรวมทั้งส่วนร่วมที่เข้มแข็งในความพยายามของประชาคมโลก เวียดนามได้รับเลือกเป็นสมาชิกขององค์กรสำคัญๆของสหประชาชาติหลายองค์กร เช่น คณะมนตรีความมั่นคง วาระปี2008-2009และ2020-2021 คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมวาระปี1998-2000และ2016-2018 คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนวาระปี2014-2016และ2023-2025 โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2014 มาถึงปัจจุบัน กองทัพประชาชนเวียดนามได้เข้าร่วมกิจกรรมการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติอย่างแข็งขันและได้ปฏิบัติหน้าที่อันสูงส่งนี้อย่างสำเร็จลุล่วง จนถึงปัจจุบัน เวียดนามได้ส่งทหารมากกว่า 500 นายไปร่วมปฏิบัติภารกิจต่างๆของสหประชาชาติ อันเป็นการมีส่วนช่วยเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศเวียดนามที่ใฝ่สันติภาพ พร้อมที่จะมีส่วนร่วมในภารกิจการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาขององค์กรพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในการประเมินเกี่ยวกับส่วนร่วมของเวียดนาม นาย อันโตนีโอ กูเตเรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ กล่าวว่า “เวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งของสหประชาชาตินับตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี1977 โดยบทบาทเป็นผู้เดินหน้าของเวียดนามในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษจะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงที่ช่วยให้เวียดนามดำเนินแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืน2030 นอกจากนั้น เวียดนามยังได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน”
ผลสำเร็จในด้านต่างๆที่เวียดนามได้บรรลุภายหลัง48ปีแห่งการรวมประเทศก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าประชาชนเวียดนามกำลังมุ่งมั่นเพื่อ "สร้างสรรค์ประเทศให้ยิ่งใหญ่ และสวยงามยิ่งขึ้น" และความสำเร็จเหล่านี้จะเป็นพลังจูงใจให้เวียดนามมุ่งสู่เป้าหมายที่สูงกว่าคือการกลายเป็นประเทศที่พัฒนาและมีรายได้ในระดับสูงภายในปี2045ซึ่งตรงกับโอกาสฉลองครบรอบ100ปีการสถาปนาประเทศเวียดนาม./.