นี่คือการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศครั้งแรกของประธานประเทศ เลืองเกื่อง ในฐานะตำแหน่งใหม่ ซึ่งมีความหมายและความสำคัญเป็นพิเศษทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี

กระชับความสัมพันธ์กับประเทศในลาตินอเมริกา

สำหรับชิลี นี่คือการเยือนครั้งแรกของประธานประเทศเวียดนามในรอบ 15 ปีซึ่งประจวบกับโอกาสฉลองครบรอบ 55 ปีการพบปะครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานโฮจิมินห์กับประธานาธิบดี ซัลวาดอร์ อัลเลนเด ผู้ล่วงลับ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้วางพื้นฐานให้ชิลีกลายเป็นประเทศแรกในอเมริกาใต้ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนาม บนพื้นฐานดังกล่าว ความสัมพันธ์เวียดนาม-ชิลีได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะ ในด้านการค้า โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้น 4 เท่า บรรลุ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023

ปัจจุบัน ชิลีเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของเวียดนามในภูมิภาคนี้ และยังเป็นประเทศในลาตินอเมริกาประเทศแรกที่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับเวียดนาม  ดังนั้น การเยือนครั้งนี้จะนำ “พลังขับเคลื่อนใหม่” ให้แก่ความสัมพันธ์เวียดนาม-ชิลี โดยเฉพาะ ในด้านที่ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพความร่วมมืออีกมาก

สำหรับเปรู นี่คือการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของประธานประเทศเวียดนาม การเยือนครั้งนี้ประจวบกับโอกาสที่ทั้งสองประเทศฉลองครบรอบ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ถือเป็นนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์ มีส่วนร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีงามระหว่างทั้งสองประเทศ ยกระดับประสิทธิภาพความร่วมมือในด้านที่มีศักยภาพและมุ่งสู่เป้าหมายที่จะนำความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่

ปัจจุบัน เปรูเป็นประเทศที่มีเงินลงทุนในเวียดนามมากที่สุดในลาตินอเมริกา เป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 6 ของเวียดนามในภูมิภาค ในขณะที่เวียดนามเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเปรูในอาเซียน โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2023 บรรลุเกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุเกือบ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การส่งข้อความเกี่ยวกับยุคแห่งการผงาดของเวียดนาม

นอกจากนี้ การเข้าร่วมสัปดาห์ผู้นำ APEC 2024 ในเปรูถือเป็นโอกาสเพื่อให้ประธานประเทศ เลืองเกื่อง พบปะหารือกับบรรดาผู้นำ APEC รวมทั้ง หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของเวียดนาม ซึ่งมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์กับสมาชิก APEC ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในสภาวการณ์ที่สัปดาห์ผู้นำ APEC 2024 มีขึ้นประจวบกับโอกาสฉลองครบรอบ 35 ปีการก่อตั้งฟอรั่ม APEC การที่ประธานประเทศเข้าร่วมฟอรั่ม APEC ยังคงยืนยันถึงการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบอย่างเข้มแข็งของเวียดนามในการแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะ การส่งเสริมกระบวนการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สร้างแรงผลักดันใหม่ให้แก่การเติบโตของภูมิภาค เสริมสร้างบทบาทของ APEC ในฐานะฟอรั่มเศรษฐกิจชั้นนำ โดยมี 3 ใน 5 เศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดของโลกเข้าร่วม ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 77  ของการค้า ร้อยละ 81 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และร้อยละ 85 ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเวียดนาม ในฐานะประเทศเจ้าภาพ APEC ปี 2027 นี่เป็นโอกาสเพื่อให้เวียดนามส่งเสริมการปฏิบัติวิสัยทัศน์ APEC จนถึงปี 2040 ที่เวียดนามได้ริเริ่มและมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์กับสมาชิกของ APEC ตั้งแต่ปี 2017

หัวข้อของการประชุมผู้นำ APEC ปีนี้คือ “การส่งมอบอำนาจ – ความครอบคลุม – การเติบโต” โดยมีเนื้อหาที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ 3 ประเด็น ได้แก่ การค้าและการลงทุนเพื่อการเติบโตที่ครอบคลุมและการเชื่อมโยงอย่างทั่วถึง นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจที่เป็นทางการและระดับโลก การเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่พึ่งตนเอง เนื้อหาที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆของ APEC สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของเวียดนามในระยะปัจจุบันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยให้เวียดนามสามารถร่วมมือกับสมาชิก APEC ในโครงการอีคอมเมิร์ซ เพิ่มขีดความสามารถให้แก่สตรี การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน สาธารณสุขทางทะเล การเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม การสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม และการส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่พึ่งตนเอง

ในการประชุม ประธานประเทศจะส่งข้อความเกี่ยวกับความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของประชาชาติเวียดนามในยุคใหม่ และแนวทางสำคัญๆเกี่ยวกับการพัฒนา การต่างประเทศ และการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของเวียดนาม โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและฟอรั่ม APEC เป็นหนึ่งในเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เรียกร้องให้เศรษฐกิจสมาชิก APEC และสถานประกอบการระดับภูมิภาคเดินพร้อมและสนับสนุนเวียดนามต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูงภายในปี 2045

การเข้าร่วมสัปดาห์ผู้นำ APEC 2024 และการเยือนสาธารณรัฐชิลีและสาธารณรัฐเปรูอย่างเป็นทางการของประธานประเทศ เลืองเกื่อง ถือเป็นการปฏิบัตินโยบายต่างประเทศที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนาม สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อนำความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับชิลี และความสัมพันธ์ความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับเปรูเข้าสู่ระยะการพัฒนาใหม่ที่มีความคล่องตัว จริงจังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการยืนยันถึงสถานะใหม่ บทบาทของเวียดนามที่นับวันได้รับการยกระดับให้สูงขึ้นในเอเชียแปซิฟิกและโลก.