ภาพการลงนามข้อตกลงปารีสเมื่อวันที่ 27 มกราคมปี 1973 |
นาย ฝ่ามหงาก อดีตอธิบดีกรมองค์กรระหว่างประเทศสังกัดกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ซึ่งได้เข้าร่วมคณะเจรจาข้อตกลงปารีสของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามในฐานะล่ามและผู้ที่จดบันทึกของการประชุมได้เผยว่า การเจรจาได้ประสบความท้าทายต่างๆ แม้กระทั่งได้ตกสู่ภาวะชงักงันเพราะสหรัฐได้ใช้นักการทูตที่มากด้วยประสบการณ์อย่าง Harriman และ Kissinger เป็นนักเจรจา ควบคู่กับการผลักดันยุทธนาการทางทหารโดยเปิดการโจมตีทางอากาศทิ้งระเบิดถล่มในภาคเหนือเพื่อสร้างแรงกดดันต่อเวียดนามในการเจรจา แต่ถึงกระนั้น ด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่และภูมิปัญญาการทูตในยุคโฮจิมินห์ก็สามารถนำไปสู่การลงนามข้อตกลงปารีสเมื่อปี 1973
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในการเจรจา คณะเจรจาเวียดนามได้ให้เกียรติและเปิดทางให้กองทัพสหรัฐถอนทหารทั้งหมดออกจากเวียดนามและธำรงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ”
นาย ฝ่ามหงาก อดีตอธิบดีกรมองค์กรระหว่างประเทศสังกัดกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ซึ่งได้เข้าร่วมคณะเจรจาข้อตกลงปารีสของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามในฐานะล่ามและผู้ที่จดบันทึกของการประชุม (qdnd.vn) |
ข้อตกลงปารีสปี 1973เป็นผลงานการเจรจาเกือบ 5ปี ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในโลก โดยมีการประชุมแบบเปิดเผย 201 ครั้ง การพบปะทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ 45 ครั้ง การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน 500 ครั้ง การให้สัมภาษณ์เกือบ 1 พันครั้งและขบวนการต่อต้านสงครามเวียดนามที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ทางการทูต ความมุ่งมั่น ภูมิปัญญาการทูตของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของภารกิจการปฏิวัติ ปลดปล่อยประชาชาติและรวมประเทศเป็นเอกภาพ อีกทั้งเป็นชัยชนะที่สำคัญของการทูตปฏิวัติเวียดนาม เป็นนิมิตหมายที่สำคัญในเส้นทางสู่สันติภาพ รวมประเทศเป็นเอกภาพ ทำให้กองทัพสหรัฐต้องถอนทหารทั้งหมดออกจากเวียดนามและสร้างความได้เปรียบให้แก่การปฏิวัติและนำไปสู่มหาชัยชนะฤดูมบไม้ผลิปี 1975.