รูปแบบการปลูกไผ่ตัดหน่อได้ช่วยให้เกษตรกรในจังหวัดเอียนบ๊ายหลุดพ้นจากความยากจน (Photo: yenbai.gov.vn)

ตำบลเกี๊ยนแถ่ง อำเภอเจิ๊นเอียน จังหวัดเอียนบ๊ายมีพื้นที่๘.๘เฮกตาร์  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่ใช้สำหรับการปลูกป่า   เมื่อมองจากไกลๆ จะเห็นเนินเขาที่ปลูกไผ่บ๊าดโด๋  นี่เป็นเขตปลูกไผ่ตัดหน่อเฉพาะของจังหวัดเอียนบ๊าย  ปัจจุบัน สหกรณ์การเกษตรและการบริการเกี๊ยนแถ่งได้รับการปรับปรุงโครงสร้างตามกฎหมายสหกรณ์ฉบับปี๒๐๑๒ มีความร่วมมือกับบริษัทเอียนแถ่ง อำเภอเอียนบิ่งในการปลูก การเก็บรักษา แปรรูปและการส่งออกผลิตภัณฑ์หน่อไม้บ๊าดโด๋  ตั้งแต่ต้นปี๒๐๑๕มาจนถึงปัจจุบัน  ทางสหกรณ์ได้ช่วยจำหน่ายผลิตภัณฑ์หน่อไม้บ๊าดโด๋ร้อยละ๙๐ของสมาชิกสหกรณ์และประชาชน รวมรายได้๖พันล้านด่ง สร้างงานทำอย่างมั่นคงให้แก่แรงงาน๓๐คน  โดยเงินเดือนอยู่ที่๓.๕ล้านด่งต่อเดือน  นาย เจิ่นหงอกสือ ผู้อำนวยการสหกรณ์ตำบลเกียนแถ่งได้เผยว่า การปฏิบัติรูปแบบการเชื่อมโยงการลงทุนตามห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งได้มีส่วนร่วมแก้ปัญหาความยากจนให้แก่ประชาชนชนเผ่าต่างๆในท้องถิ่น “หลังจากร่วมมือกับบริษัทเอียนแถ่ง ผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรขายได้ราคาสูงขึ้นโดยได้รับการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หน่อไม้ที่มีมูลค่าสูงขึ้น  ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร  ก่อนจัดตั้งสหกรณ์  การปลูกไผ่ตัดหน่อไม้ในพื้นที่๑เฮกตาร์สร้างรายได้๒๐-๓๐ล้านด่ง  แต่หลังจากที่จัดตั้งสหกรณ์และร่วมมือกับบริษัทต่างๆ รายได้ของเกษตรกรได้เพิ่มขึ้นเป็น๔๐-๕๐ล้านด่งต่อ๑เฮกตาร์”

สหกรณ์ได้เชื่อมโยงกับบริษัทต่างๆลงทุนด้านเทคนิคในการปลูกและเก็บใบชาตามมาตรฐานเวียดแก๊ป (Photo: yenbai.gov.vn)

จากผลงานเบื้องต้นของรูปแบบความร่วมมือระหว่างสหกรณ์กับผู้ประกอบการ บริษัทฮึงถิง จำกัด อำเภอเชิ้นเอียนก็ได้ร่วมมือกับสหกรณ์เจื่องซวน  สหกรณ์เตินเฮือง  อำเภอเอียนบิ่งและสหกรณ์เกี๊ยนถวน อำเภอวันเชิ้นในการลงทุนด้านเทคนิคในการปลูกและเก็บใบชาตามมาตรฐานเวียดแก๊ป  ทางสหกรณ์ได้รณรงค์ให้ครอบครัวที่ปลูกชาเข้าร่วมการฝึกอบรม  การถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกและการเก็บเกี่ยวเพื่อค้ำประกันคุณภาพและสร้างพื้นฐานเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการยกระดับคุณภาพในการบริการการส่งออก  นาย ฉือก๊วกต๊วน  ผู้อำนวยการบริษัทฮึงถิงจำกัดได้ยืนยันว่า  “พวกเราได้ประสานงานกับสหกรณ์ตั้งแต่ปี๒๐๐๒  แต่นับตั้งแต่จัดตั้งความร่วมมือเมื่อเดือนพฤษภาคมปี๒๐๑๕ก็ได้บรรลุผลงานที่ชัดเจน  ผลิตภัณฑ์ชามีคุณภาพที่ดีขึ้นและบรรลุมาตรฐาน ปริมาณการผลิตชาก็เพิ่มสูงขึ้น   เกษตรกรรู้จักการปลูกชาสะอาดการใช้ปุ๋ยและยากำจัดวัชพืชที่เหมาะสม”
 สถานการณ์ที่เป็นจริงในจังหวัดเอียนบ๊ายได้แสดงให้เห็นว่า เพื่อให้กลไกและนโยบายเข้าสู่ชีวิตอย่างจริงจัง  ต้องกำหนดห่วงโซ่คุณค่าในการผลิตการเกษตร  จากแนวโน้มการผสมผสานและมูลค่าการส่งออกการเกษตรนับวันเพิ่มมากขึ้น สหกรณ์ต้องเชื่อมโยงกันเพื่อผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตรและเพิ่มคุณค่าของห่วงโซ่การผลิตการเกษตร  นาย หวอกิมกือ  ประธานสหพันธ์สหกรณ์เวียดนามได้เผยว่า  “ความรับผิดชอบของทางสหพันธ์สหกรณ์คือ เชื่อมโยงระหว่างกลุ่มสหกรณ์กับสหกรณ์ ศึกษาและประชาสัมพันธ์  ยกระดับความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่  เสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ประกอบการ เช่น การลงนามสัญญาการจัดส่งสินค้าอย่างจริงจัง  ค้ำประกันคุณภาพ ปริมาณและการจัดส่งที่ตรงเวลา แบ่งเบาอุปสรรค์ของบรรดาผู้ประกอบการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน   ”
เพื่อให้กลไกและนโยบายเกี่ยวกับสหกรณ์เข้าสู่ชีวิตอย่างจริงจัง  ต้องกำหนดห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์ในการผลิตการเกษตร  ดังนั้น  จากการสร้างสรรค์รูปแบบสหกรณ์แบบใหม่ผสานกับการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า  หวังว่า จะสามารถสร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจหมู่คณะและสร้างก้าวกระโดดในการพัฒนาการเกษตร.