การโจมตีด้วยขีปนาวุธในภูมิภาคตะวันออกกลาง ความเสี่ยงที่การปะทะอาจบานปลายไปทั่วภูมิภาค

Quang Dung- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -การโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่ซีเรีย เลบานอน อิรักและเยเมนและการโจมตีทางอากาศระหว่างอิหร่านกับปากีสถานทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียใต้มีความน่าวิตกกังวลมากขึ้นและอาจทำให้การปะทะในฉนวนกาซาบานปลายไปทั่วภูมิภาค

เมื่อวันที่ 20 มกราคม อิหร่านเผยว่า ที่ปรึกษาระดับสูงอย่างน้อย 4 คนของอิหร่านได้เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ซึ่งอิหร่านสงสัยว่า อิสราเอลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีทางอากาศดังกล่าวและประกาศว่า จะทำการตอบโต้

สถานการณ์การใช้ความรุนแรงตึงเครียดมากขึ้น

ภายหลังการโจมตีทางอากาศใส่กรุงดามัสกัสไม่กี่ชั่วโมง ได้เกิดการโจมตีด้วยเครื่องบินไร้คนขับใส่เมืองท่า Tyre ทางภาคใต้ของเลบานอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตที่คาดว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ 2 คน แน่นอนว่ากองทัพอิสราเอลถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว  เมื่อวันที่ 20 มกราคม กองบัญชาการกลางสหรัฐหรือ CENTCOM เผยว่า กองกำลังติดอาวุธในอิรักที่อิหร่านสนับสนุนได้ทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธและจรวดใส่ฐานทัพอากาศ al-Asad ของสหรัฐ ซึ่งทำให้ทหารสหรัฐหลายนาย ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในทะเลแดง กองทัพสหรัฐและอังกฤษได้เปิดการโจมตีครั้งต่างๆใส่กลุ่มฮูตีในประเทศเยเมนเพื่อตอบโต้การโจมตีใส่เรือบรรทุกสินค้า Zografia ของกรีซเมื่อวันที่ 16 มกราคมและเรือของกองทัพสหรัฐและอังกฤษ

ความผันผวนต่างๆนี้ทำให้การปะทะในฉนวนกาซาอาจบานปลายและอยู่เหนือการควบคุม  ในฟอรั่มเศรษฐกิจโลกหรือ WEF ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอแลนด์ เมื่อสัปดาห์ก่อน  วิกฤตในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นหนึ่งในหัวข้อร้อนแรงที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาหารือ โดยผู้นำประเทศอาหรับได้ส่งสารที่เข้มแข็งเกี่ยวกับการที่ประเทศตะวันตกต้องเพิ่มแรงกดดันเพื่อบังคับให้อิสราเอลยุติการปะทะในฉนวนกาซาโดยเร็วก่อนที่จะสายเกินไป นาย Faisal Bin Farhan Al Saud รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบียเผยว่า ความตึงเครียดในภูมิภาคกำลังอยู่ในระดับอันตรายและพื้นที่หลักคือฉนวนกาซา ไม่ใช่ทะเลแดง

“พวกเราต้องเน้นถึงการปะทะในฉนวนกาซา ไม่ใช่ปัญหาในทะเลแดงเพราะการปะทะนี้ส่งผลกระทบต่อชาวปาเลสไตน์และความมั่นคงในภูมิภาค ”

การโจมตีด้วยขีปนาวุธที่เพิ่มขึ้นทำให้โอกาสในการใช้มาตรการทางการเมืองและการทูตเพื่อแก้ปัญหาในภูมิภาคมีความมืดมนมากขึ้น ภายหลังการประกาศของนาย เบนยามิน เนทันยาฮู   นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเมื่อวันที่ 19 มกราคมว่า รัฐบาลอิสราเอลคัดค้านการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ กระบวนการสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลางมีความเสี่ยงที่จะชะงักงัน ที่เมืองดาวอส บรรดาเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียได้ยืนยันหลายครั้งว่า จะไม่ปรับความสัมพันธ์กับอิสราเอลให้เป็นปกติถ้าหากการปะทะในฉนวนกาซาไม่ยุติลงและมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ได้รับการปฏิบัติ ประเทศพันธมิตรตะวันตกของอิสราเอลส่วนใหญ่ต่างไม่สนับสนุนจุดยืนที่แข็งกร้าวของอิสราเอล นาย Faisal Bin Farhan Al Saud  ตัวแทนระดับสูงที่ดูแลนโยบายด้านความมั่นคงและการต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียูประกาศว่า 

“ผมมีจุดยืนที่แตกต่าง เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติก็มีจุดยืนที่แตกต่างและเขาพูดอย่างชัดเจนว่า การที่อิสราเอลปฏิเสธมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้เพราะนี่เป็นมาตรการที่ได้รับการอนุมัติจากสหประชาชาติและได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก”

ความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะใหม่

ในขณะที่การปะทะในฉนวนกาซาเริ่มบานปลายไปทั่วภูมิภาค ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับปากีสถานอาจทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียใต้ตกเข้าสู่ภาวะวุ่นวาย เมื่อวันที่ 16 มกราคม กองทัพอิหร่านได้เปิดการโจมตีด้วยขีปนาวุธและเครื่องบินไร้คนขับใส่เป้าหมายต่างๆในจังหวัด บาโลจิสถานของปากีสถานโดยให้เหตุผลว่าเพื่อทำลายกลุ่มติดอาวุธ จาอิช อัล-อัดล์ที่ต่อต้านอิหร่าน ที่กำลังกบดานอยู่ในปากีสถาน ในขณะที่เมื่อวันที่ 18 มกราคม ปากีสถานได้ทำการตอบโต้ด้วยการใช้ขีปนาวุธโจมตีใส่จังหวัด ซีสถาน-บาโลชิสถานของอิหร่านด้วยเหตุผลเช่นเดียวกับของอิหร่านคือทำลายกลุ่มกบฎที่ต่อต้านปากีสถานที่กบดานอยู่ในอิหร่าน

การที่ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับปากีสถานรุนแรงมากขึ้นและปฏิบัติการทางทหารใส่กันไปมาได้สร้างความแปลกใจให้แก่บรรดาผู้สังเกตการณ์เพราะถ้าหากการปะทะนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ก็จะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อทั้งสองประเทศรวมถึงทั้งภูมิภาคเนื่องจากอิหร่านและปากีสถานเป็นประเทศมหาอำนาจทางทหารในภูมิภาคและมีทหารประจำการเป็นจำนวนมาก  

แต่อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ทั้งอิหร่านและปากีสถานกำลังต้องเผชิญกับปัญหาภายในประเทศและแรงกดดันด้านความมั่นคงใหญ่จากภายนอก ซึ่งการปะทะที่รุนแรงมากขึ้นจะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ  นาย Suzanne Maloney รองประธานสถาบัน Brookins ของสหรัฐเห็นว่า ความวิตกกังวลด้านความมั่นคงใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคือการปะทะที่เกี่ยวข้องถึงความผันผวนในฉนวนกาซา เช่น ความตึงเครียดในทะเลแดงและความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเลบานอนที่นับวันเพิ่มมากขึ้นในสภาวการณ์ที่การปะทะในฉนวนกาซายังไม่มีสัญญาณที่จะยุติลง.

คำติชม