(VOVworld) –   รายงานประจำปี๒๐๑๑เกี่ยวกับเสรีภาพในการนับถือศาสนาของนานาประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศเมื่อวันที่๓๐กรกฎาคมที่ผ่านมาระบุว่า รัฐบาลเวียดนามไม่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะปรับปรุงหรือถอยหลังในการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาซึ่งถึงแม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐจะได้รับทราบผลสำเร็จของเวียดนามในด้านนี้แต่ก็ยังคงมีข้อสังเกตุที่ขาดภาวะวิสัยโดยอาศัยข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสถานการณ์ในเวียดนามซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ 

โบสถ์Đức Bà ที่นครโฮจิสินห์(Photo:Internet)

 (VOVworld) –   ความจริงเกี่ยวกับเสรีภาพในการนับถือศาสนาในเวียดนามเป็นที่รับทราบกันในหมู่นักการเมืองและวงการสมณศักดิ์ของสหรัฐที่เคยมาเยือนเวียดนามซึ่งภายหลังการเยือนเวียดนามเมื่อเดือนพฤษภาคมปี๒๐๑๐ นายMichael  Lewis Cromartie รองประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยเสรีภาพทางศาสนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาหรือUSCIRFได้ให้ข้อสังเกตุว่า เสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาในเวียดนามได้รับการส่งเสริมจนมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากและมีหลายจุดที่น่าชื่นชม และเผยว่า การเยือนเวียดนามครั้งที่๒เมื่อปี๒๐๑๐ภายหลังการเยือนครั้งแรกเมื่อปี๒๐๐๗เพื่อรับฟังและศึกษาสถานการณ์การประกอบศาสนกิจในเวียดนามได้ช่วยให้เขาได้ประจักกับตาตนเองถึงการขยายการก่อสร้างสถานที่บูชาและศาสนสถานต่างๆในเวียดนามและเห็นว่า รัฐบาลเวียดนามมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมเสรีภาพในการนับถือศาสนาและได้มีความพยายามเป็นอย่างสูงในด้านนี้   คงจำได้ว่า เมื่อเดือนธันวาคมปี๒๐๑๑ ก่อนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศรายงานประจำปี๒๐๑๐เกี่ยวกับเสรีภาพในการนับถือศาสนาของนานาประเทศ๒วัน ศาสนาจารย์ Bob Roberts  หัวหน้าโบสถ์โปรเตสแตนส์Northwood ที่Southlake ในมลรัฐเท็กซัสได้กล่าวต่อฟอรั่มความเลื่อมใสทั่วโลกหรือGlobal Faith Forumที่มีชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนส์นับพันคนเข้าร่วมว่า บรรดาชาวคอมมิวนิสต์เวียดนามให้ความเคารพเสรีภาพในการนับถือศาสนาและมีศาสนาที่หลากหลาย ประชากรร้อยละ๘๐นับถือศาสนาและมีความเลื่อมใส โอกาสนี้  ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำสหรัฐ นายFaleimaveaga ประธานคณะอนุกรรมการเอเชียแปซิฟิกและสิ่งแวดล้อมโลกแห่งคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาล่างสหรัฐได้กล่าวว่า“ตอนไปเยือนเวียดนาม ผมได้เข้าร่วมการประกอบศาสนกิจของชาวคริสต์ที่นครโฮจิมินห์ และไม่ว่าสถานที่ใด ผมก็ไม่เห็นการห้ามเพราะเหตุผลทางศาสนาหรือความเลื่อมใส แม้กระทั่ง พวกเราที่ได้ประกอบศาสนากิจในเวียดนามแต่ไม่ได้ถูกรัฐบาลก่อความเดือดร้อนหรือกีดขวางซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้ประจักษ์กับตาตนเองจากการเยือนเวียดนามทุกครั้งทำให้ผมไม่มีวันคิดว่า รัฐบาลเวียดนามปรามปราบผู้นับถือศาสนา” 

นายFaleimaveaga ประธานคณะอนุกรรมการเอเชียแปซิฟิกและสิ่งแวดล้อมโลกแห่งคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาล่างสหรัฐ(Photo:Internet)

ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้นั่นคือ เวียดนามเป็นประเทศที่มีหลายศาสนา โดยมีผู้นับถือศาสนาเกือบ๒๒ล้านคน ผู้ที่มีสมณศักดิ์เกือบ๘หมื่นคนและมีศาสนสถานเกือบ๒หมื่น๔พันแห่ง ในหลายปีที่ผ่านมา เมื่อกฤษฎีกาเกี่ยวกับความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาเข้าสู่ชีวิตก็มีองค์กรศาสนาอีก๑๖องค์กรได้รับการรับรองฐานะนิติบุคคลทำให้จำนวนองค์กรศาสนาที่รัฐได้รับรองมีมากถึง๓๒องค์กร ในรายงานประจำปี๒๐๑๑ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐก็ต้องยอมรับว่า   รัฐบาลเวียดนามได้อำนวยความสะดวกเพื่อก่อสร้างศาสนสถานนับร้อยแห่ง รับรองกลุ่มศาสนาใหม่อีก๒กลุ่ม อนุญาติให้องค์กรศาสนาใหม่หลายองค์กรจดทะเบียน  อนุญาติให้ขยายกิจกรรมการกุศล และประกอบศาสนกิจที่มีขนาดใหญ่โดยมีผู้นับถือศาสนากว่า๑แสนคนเข้าร่วม

เวียดนามให้ความเคารพเสรีภาพในการนับถือศาสนา(Photo:Internet)

ในด้านกฏหมาย เช่นเดียวกับหลายประเทศ ในเวียดนามมีความเสมอภาคระหว่างศาสนาต่างๆและระหว่างผู้นับถือและไม่นับถือศาสนา ไม่มีเรื่องที่ผู้นับถือศาสนาได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ที่ไม่นับถือศาสนา หรือศาสนานี้ได้รับสิทธิ์พิเศษมากกว่าศาสนาโน้นและไม่มีเรื่อง ศาสนาหนึ่งศาสนาใดเรียกร้องให้รัฐปฏิบัติตามรูปแบบศาสนาในต่างประเทศ  เช่นเดียวกับในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม ความแตกต่างเกี่ยวกับรูปแบบ โดยเฉพาะ แนวความคิดเกี่ยวกับความเลื่อมใสและนับถือศาสนาระหว่างประเทศต่างๆถือเป็นเรื่องธรรมดา เวียดนามมีทัศนะที่ชัดเจนเกี่ยวกับปัญหานี้ นั่นคือ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐไม่ควรและไม่มีสิทธิ์ยัดเยียดรูปแบบเสรีภาพด้านความเลื่อมไสและนับถือศาสนาของสหรัฐให้ประเทศอื่นๆ รวมทั้งเวียดนาม นายĐặng Tài Tính อธิบดีกรมวิเทศสัมพันธ์แห่งคณะกรรมการศาสนาของรัฐบาลเวียดนามได้กล่าวว่า “แต่ละประเทศ  แต่ละภูมิภาคมีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อเข้าใจกัน อีกฝ่ายจะต้องเข้าใจวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศและ ภูมิภาคนั้นเช่นเดียวกับกฏหมายของแต่ละประเทศบนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ กฏหมายสากล และธรรมเนียมสากลโดยไม่อาจนำธรรมเนียมของประเทศนี้มายัดเยียดให้แก่ประเทศอื่นซึ่งถ้าทำเช่นนี้ก็ยากที่จะสนทนาร่วมกันได้”

เวียดนามเป็นประเทศที่มีหลายศาสนา นี่คือวัดQuan Suในกรุงฮานอย (Photo:Internet)

ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่๑๗พฤศจิกายนปี๒๐๑๑ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ยืนยันว่า เสรีภาพในการนับถือศาสนาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ และเป็นปัจจัยที่จำเป็นให้แก่สังคมที่มีเสถียรภาพ สันติภาพและเจริญรุ่งเรืองซึ่งสิ่งที่รัฐมนตรี ฮิลลารีคลินตั้นยืนยันนั้นก็เป็นสิ่งที่เวียดนามกำลังปฏิบัติ   เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า  เสรีภาพในการนับถือศาสนาในเวียดนามได้รับการยอมรับจากบรรดาชาวอเมริกันภายในประเทศสหรัฐและเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ./.