(VOVworld)- พระครู Thich Giac Nghia เป็นหนึ่งในพระภิกษุสงฆ์6รูปของจังหวัดKhanh Hoa-แค้งหว่า ที่อาสาไปจำวัดที่วัดบนเกาะ Truong Saใหญ่ เกาะ Sinh Ton และเกาะSong Tu tay ที่อยู่ในหมู่เกาะTruong Sa-เจื่องซา อ.Truong Sa-เจื่องซาของเวียดนาม ซึ่งพระครูได้เผยว่าแรงดลใจให้พระสงฆ์ทั้ง6รูปอาสาไปรับหน้าที่ทางศาสนาที่เจื่องซาก็คือความรักอันเปี่ยมล้นที่มีต่ออาณาเขตส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งทางสถานีวิทยุเวียดนามขอเสนอบทความของนักข่าว Vinh Phong ที่เขียนเกี่ยวกับการประกอบศาสนกิจของพระครู Thich Giac Nghia ในโอกาศเดินทางไปเยือนหมู่เกาะเจื่องซา

คณะปฏิบัติงานของหลายหน่วยงานได้เดินทางถึงเกาะเจื่องซาใหญ่ในโอกาศรำลึก37ปีวันปลดปล่อยภาคใต้รวมประเทศเป็นเอกภาพ30เมษายน  ซึ่งตอนนั้นก็เป็นช่วงที่พระครู Thich Giac Nghia มารับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเจื่องซาใหญ่ได้กว่า2สัปดาห์แล้ว ถึงแม้วัดเจื่องซาใหญ่จะไม่สามารถเทียบได้กับวัดใหญ่2แห่งในจังหวัดแค้งหว่าคือ วัด Van Duc และ Phuoc Tri ที่พระครู Thich Giac Nghiaเคยเป็นเจ้าอาวาสก่อนไปจำวัดที่เจื่องซา แต่สำหรับพระครูชีวิตที่อ.เจื่องซานั้นถือว่ามีความสงบสุขและสมาถะ เหมาะแก่การศึกษาพระธรรม และในช่วงเช้าตรู่และยามตะวันลับขอบฟ้า พระครู Thich Giac Nghiaได้ทำพิธีสวดมนต์ขอให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุข ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี

พระครู Thich Giac Nghia เล่าว่าหากเปรียบเทียบชีวิตคนเราเหมือนการเดินทางครั้งต่างๆแล้ว การเดินทางไปจำวัดที่เจื่องซาก็ถือเป็นการเดินทางครั้งที่มีความหมายที่สุดเพราะไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางไปทำหน้าที่ทางพุทธศาสนาเท่านั้นหากยังเพื่อแสดงความรักชาติรักปิตุภูมิของผู้ที่เป็นกุลบุตรของเวียดนามอีกด้วย หลังจากได้เดินทางไปร่วมพิธีสวดมนต์และอุทิศส่วนกุศลแด่เหล่าทหารหาญที่พลีชีพเพื่อชาติที่หมู่เกาะเจื่องซา3ครั้ง อาตมาได้เห็นชีวิตของทหารบนฐานตรวจการทางทะเล DK หรือบนเกาะเล็กๆหลายแห่งกลางทะเล พร้อมทั้งได้ฟังเรื่องราวความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของทหารจำนวนมาก อาตมาเห็นว่าต้องส่งเสริมหน้าที่ความรับผิดชอบของตนในการสานต่อภารกิจการพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติที่ชนรุ่นก่อนๆได้สละเลือดเนื้อเพื่อรักษาเพื่อให้เรามีชีวิตที่สันติสุขดั่งทุกวันนี้ ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจอาสาไปจำวัดที่เจื่องซา.

พระครู Thich Giac Nghia เผยว่า ชีวิตความเป็นอยู่ที่เกาะยังประสบความลำบากมากมาย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้าน ทหารและทางวัดได้มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น นับตั้งแต่มีเจ้าอาวาสดูแลวัด นอกจากความคึกคักที่เคยมีอยู่แล้ว ชีวิตทางด้านจิตใจของชาวเกาะก็มีความหลากหลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเด็กๆก็รู้สึกชอบไปที่วัดเพื่อพูดคุยกับพระสงฆ์และฝึกสวดมนต์ถ้าพูดถึงความท้าทายโดยเฉพาะความลำบากในการดำเนินชีวิต อาตมาเห็นว่าไม่มีเพราะเราเป็นนักบวช ได้มาที่นี่ก็เป็นโอกาสให้เราทำการศึกษาพระธรรม เผยแผ่ศาสนาให้กับประชาชนและได้มีส่วนร่วมต่อภารกิจการพิทักอธิปไตยเหนือเขตทะเลอันศักสิทธิ์ของประเทศ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณรัฐเป็นอย่างสูงที่เปิดโอกาสให้เราไปจำวัดที่เจื่องซา.

จำนวนครอบครัวที่อาศัยบนเกาะเจื่องซาใหญ่ยังมีไม่มาก แต่เมื่อถึงวันที่1และวันขึ้น15ค่ำทุกเดือนตามจันทรคติหรือวันงานเทศกาลต่างๆทุกคนก็จะไปทำบุญที่วัดและขอพรให้ชีวิตมีความอิ่มหนำผาสุข ในโอกาสวันวิสาขบูชาปีนี้ ทุกครอบครัวก็ได้ร่วมกับทางวัดตกแต่งวัดให้มีความสวยงาม นาง Bui Thi Nhung ชาวบ้านคนหนึ่งที่อาศัยในอ.เจื่องซากล่าวว่า สำหรับชาวเกาะเจื่องซา วัดทุกแห่งไม่ใช่แค่ที่พึ่งทางจิตใจ วัดบนเกาะยังได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชาวบ้านและทหารทุกคน เป็นการแสดงให้เห็นถึงจิตใจความเคารพนับถือที่มีต่อพระพุทธเจ้า เป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาอธิปไตยเหนือหมู่เกาะและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ พวกเราไปวัดเพื่อให้จิตใจมีความสงบและโปร่งใสยิ่งขึ้น.

การจากลากันได้สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ทั้งผู้ที่อยู่ต่อเพื่อปฏิบัติหน้าที่บนเกาะและคณะผู้แทนของเรา โดยพระครู Thich Giac Nghia ได้มาส่งพวกเราถึงท่าเรือและได้เขียนคำอวยพรบนก้อนหินเจื่องซาเล็กๆที่มอบเป็นของที่ระลึกให้กับทุกคนในคณะ เมื่ออำลาอ.เกาะเจื่องซาและทุกคนบนเกาะพวกเรายังจำได้ติดใจถึงคำพูดของพระครู Thich Giac Nghiaที่ว่า ชาวเวียดนามแต่ละคนแม้จะนับถือหรือไม่นับถือศาสนาและอยู่ในหน้าที่ตำแหน่งใดต่างก็พยายามมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือ ทำอย่างไรเพื่อให้ประเทศชาติเจริญเข้มแข็ง ให้ประชาชาติมีการพัฒนายืนยงคงอยู่ตลอดกาล./.