นำประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง

Nguyễn Hằng
Chia sẻ
(VOVWORLD) - การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ได้ตั้งเป้าหมายว่า จนถึงปี 2045 จะนำเวียดนามพัฒนาเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูง โดยปัจจุบัน เวียดนามติดกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งการตั้งเป้าหมายดังกล่าวได้สร้างทั้งความท้าทายและพลังขับเคลื่อนให้แก่ประชาชนเวียดนามในการร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติความคาดหวังเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาประเทศให้ก้าวรุดหน้าต่อไป
นำประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง - ảnh 1การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13

ปัจจุบัน รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรเวียดนามอยู่ที่กว่า 4,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเวียดนามต้องมุ่งมั่นสร้างแรงผลักดันที่เข้มแข็งมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืนและสอดคล้องกับรูปแบบการขยายตัวใหม่

เปลี่ยนแปลงใหม่วิธีการบริหาร

ดร.เหงวียนวันด๊าง จากคณะการบริหารราชการและนโยบายสาธารณะของสถาบันการเมืองรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้เผยว่า การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 ได้วางวิสัยทัศน์นำเวียดนามพัฒนาเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูงภายในปี 2045

บรรดาผู้นำได้ย้ำถึงศักราชใหม่ของประเทศ โดยเวียดนามจะย่างเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาด นำประเทศพัฒนารุดหน้าต่อไปเพื่อหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางและติดกลุ่มประเทศพัฒนาระดับโลก ซึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ต้องเพิ่มจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวประชากรให้มากกว่า 12,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ภาควัฒนธรรมและสังคมต้องได้รับการปรับปรุง ดัชนีการพัฒนามนุษย์ หรือ HDI ต้องติดกลุ่มพัฒนาในระดับสูงมากคืออยู่ระหว่าง 0.8 – 0.9 ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ มากกว่า 0.7 โดยเวียดนามต้องมุ่งมั่นยกระดับสถานะของประเทศให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ นั่นคือสถานะของประเทศพัฒนา”

ทั้งนี้ เพื่อธำรงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในอีก 20 ปีข้างหน้า วิธีการบริหารชี้นำและแนวทางการพัฒนาประเทศในปัจจุบันมีบทบาทชี้ขาดต่อการปฏิบัติเป้าหมายดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จ โดยดร. เหงวียนวันด๊าง ได้เผยต่อไปว่า เวียดนามได้ปฏิบัติมาตรการและมีวิธีการเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจไม่เหมาะกับยุคปัจจุบัน ดังนั้น จากการเป็นผู้ชี้นำและเป็นพรรคกุมอำนาจ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามต้องเปลี่ยนแปลงใหม่วิธีการชี้นำ มีแนวคิดและวิธีการปฏิบัติใหม่ รวมถึงมาตรการใหม่ๆเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนสำหรับการพัฒนา

“เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิมได้ย้ำถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างเข้มแข็งในทุกด้านทั้งวิธีการชี้นำของพรรค โครงสร้างและรูปแบบของระบบการเมือง หน่วยงานบริหารภาครัฐ แนวความคิด การวางแผนและปฏิบัตินโยบายต่างๆ ซึ่งคำชี้นำของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคเป็นพื้นฐานให้แก่เจ้าหน้าที่แต่ละคนและหน่วยงานทุกแห่งทบทวนและพิจารณาปัจจัยและประเด็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อมีส่วนร่วมต่อกระบวนการพัฒนาประเทศ”

นโยบายเศรษฐกิจต้องเอื้อให้แก่การแข่งขันมากขึ้น

โครงการวิจัยต่างๆระบุว่า เพื่อกลายเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูงภายในปี 2045 เวียดนามต้องบรรลุอัตราการขยายตัวจีดีพีเฉลี่ยที่ร้อยละ 7 ต่อปี โดยต้องเน้นนโยบายกระตุ้นการพัฒนาอุตสาหกรรม ช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ปรับปรุงปัจจัยด้านการผลิต ลงทุนในโครงการวิจัยและพัฒนา เศรษฐกิจเวียดนามต้องหันมาส่งเสริมการเติบโตบนพื้นฐานของนวัตกรรม ทุนมนุษย์ ประสิทธิภาพด้านตลาดแรงงานและการใช้เงินทุน การแข่งขันและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อีกทั้งปรับปรุงกรอบทางกฎหมาย ยกระดับและพัฒนาแหล่งบุคลากรและระบบนวัตกรรมระดับชาติ

ส่วน ศ.เจิ่นวันเถาะ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่นได้เผยว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า การขยายภาคอุตสาหกรรม ปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมและปฏิรูประเบียบการเพื่อจัดสรรแหล่งพลังต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มผลผลิต อีกทั้งเวียดนามต้องเตรียมให้แก่ยุคแห่งการเติบโตบนพื้นฐานของการพัฒนานวัตกรรมในปี 2030 และปีถัดไป

ทั้งนี้ เวียดนามได้วางเป้าหมายจนถึงปี 2045 จะกลายเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูง และเส้นทางเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายนี้จะมีความลำบากมากมายที่รออยู่ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของผู้นำพรรค รัฐและการสนับสนุนของประชาชน เวียดนามจะสามารถยกระดับสถานะของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้าได้อย่างแน่นอน.

Komentar