(VOVworld) - หลังการปฏิบัติโครงการกระชับความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเขตชนกลุ่มน้อยของรัฐบาลมาเป็นเวลา 2 ปี ก็พบว่า มีหลายโครงการช่วยเหลือเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขาพัฒนา ได้เกิดประสิทธิผลทั้งในด้านเศรษฐกิจสังคม สาธารณสุข การแก้ปัญหาทางสังคม การศึกษาและฝึกอบรม เป็นต้น อันเป็นการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาความยากจนและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชนกลุ่มน้อยและเขตเขาให้ดีขึ้น
ผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ลป่าของชนท้องถิ่นได้รับความนิยมจากต่างประเทศ (Photo: vnexpress.net)
|
นอกเหนือจากงบประมาณที่ได้รับตามแผนประจำปีแล้ว ในหลายปีมานี้ รัฐบาลเวียดนามได้สงวนเงินจำนวนหนึ่งจากรายรับส่วนเกินของงบประมาณ การประหยัดค่าใช้จ่ายภาครัฐ และการสร้างความสมดุลของรายรับรายจ่ายงบประมาณแผ่นดินเพื่อปฏิบัตินโยบายด้านสวัสดิการสังคมในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขา โดยเมื่อปี 2015 คณะกรรมาธิการสามัญแห่งรัฐสภาได้อนุมัติมติจัดสรรค์งบประมาณ 5.3 ล้านล้านด่งเพื่อปฏิบัตินโยบายด้านสวัสดิการสังคมต่างๆ ซึ่งสำหรับเขตชนกลุ่มน้อยนั้น มีนโยบายสนับสนุนการตั้งถิ่นฐาน การแก้ไขปัญหาที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและที่ดินเพื่อการผลิต นํ้าประปา รวมทั้งการปล่อยเงินกู้ให้แก่ชนกลุ่มน้อยที่ยากจนพิเศษเป็นต้น ส่วนในการประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนและการอุปถัมภ์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขาเมื่อปี 2015 มีองค์การ NGO ผู้ประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศกว่า 180 แห่งได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนและสนับสนุนเงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขาในระยะปี 2016 – 2020
จังหวัดบั๊กยางเป็นหนึ่งในท้องถิ่นที่ปฏิบัติโครงการช่วยเหลือจากแหล่งเงินทุนดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในเวลาที่ผ่านมา ทางการจังหวัดได้ให้ความสนใจระดมพลังจากหลายแหล่งในการปฏิบัตินโยบายต่างๆสำหรับชนกลุ่มน้อย พัฒนาเศรษฐกิจสังคมและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชนกลุ่มน้อยให้ดีขึ้น นาย จูกวี๊มิง รองหัวหน้าคณะกรรมการชนเผ่าของจังหวัดบั๊กยางได้เผยว่า“ทางการจังหวัดได้ใช้แหล่งเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาการเกษตรตามแนวทางผลิตสินค้าควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพืชและสัตว์บนพื้นฐานของการวางผังเขตผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับศักยภาพของหมู่บ้าน ตำบลและเขตต่างๆเพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรม การประกอบอาชีพหัตถกรรมและพาณิชย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาการเกษตร โดยเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขา”
หลังการปฏิบัติโครงการกระชับความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเขตชนกลุ่มน้อยของรัฐบาลมาเป็นเวลา 5 ปี บริษัทหุ้นส่วนนำเข้าส่งออกสินค้าหลกเฮืองได้ร่วมมือกับชาวบ้านและทางการจังหวัดเอียนบ๊ายและเซินลาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตรของชาวบ้าน นาง เหงวียนถิแทงเฮือง ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทหุ้นส่วนนำเข้าส่งออกสินค้าหลกเฮืองได้กล่าวว่า เวียดนามมีผลิตภัณฑ์การเกษตรที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงหลายรายการ ซึ่งได้รับความนิยมจากต่างประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ลป่าของชนท้องถิ่น อย่างไรก็ดี เพื่อให้แอปเปิ้ลป่ากลายเป็นสินค้าส่งออก ก็ต้องให้การสนับสนุนชาวบ้านในทุกด้าน โดยเฉพาะการแนะนำวิธีปลูกและเผยว่า“ในระยะที่หนึ่ง ต้องแนะนำวิธีการปลูกแอปเปิ้ลป่า พร้อมทั้งห้ามทำการตัดไม้หลังการเก็บเกี่ยว ส่วนในระยะที่ 2 นั้น พวกเราแนะนำให้ชนกลุ่มน้อยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและใช้เครื่องจักรกลเพื่อผลิตแอปเปิ้ลป่าที่มีคุณภาพสูง ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อสามารถเจาะตลาดโลกได้”
ส่วนสำหรับโครงการ Mr Sạch นั้นเป็นโครงการที่มีการประสานงานระหว่างผู้ประกอบการกับเกษตรกรในจังหวัดหว่าบิ่ง บั๊กยางและเขตปริมณฑลในการปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อส่งมาขายในกรุงฮานอย นาย เหงวียนกวางฮวี ซีอีโอของโครงการ Mr Sạch ได้แสดงความเห็นว่า ทางบริษัทให้ความสนใจใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเขตชนกลุ่มน้อย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาของบริษัทในหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคมากมายในการขยายเขตผลิตวัตถุดิบและเผยว่า“ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศและปัญหาด้านการคมนาคมเป็นสาเหตุทำให้การเก็บรักษาและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประสบความลำบากเนื่องจากต้องขนส่งผลิตภัณฑ์จากเขตเขาไปขายในตัวเมือง พวกเรากำลังประสานงานกับทางการท้องถิ่นและศูนย์พัฒนาการเพราะปลูกและปศุสัตว์ทำการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษเพื่อช่วยให้ชาวบ้านมีความมั่นใจในการผลิต”
นาย เหงวียนกวางดึก อธิบดีกรมวิเทศสัมพันธ์สังกัดคณะกรรมการชนเผ่าของรัฐบาลได้ยืนยันว่า ในเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้ผลักดันการปฏิบัตินโยบายช่วยเหลือเขตชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะนโยบายที่มีการประสานงานกับผู้ประกอบการ ทั้งนี้ ทำให้อัตราครอบครัวที่ยากจนในเขตชนกลุ่มน้อยในทั่วประเทศลดลงร้อยละ 4 และทำให้เขตชนบทในเขตเขาได้รับการพัฒนา
นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจในเขตชนกลุ่มน้อยเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลให้ความสนใจปฏิบัติ นอกเหนือจากโครงการต่างๆของรัฐแล้ว ก็ยังมีการปฏิบัติโครงการต่างๆที่ใช้เงินสนับสนุนกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากองค์การ NGO อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้และทั้งนั้น แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างรัฐ ทางการท้องถิ่นและประชาชนในการคํ้าประกันการปฏิบัตินโยบายด้านสวัสดิการสังคม.