รูปแบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ประสบความสำเร็จในโครงการสนับสนุนสตรีทำธุรกิจสตาร์ทอัพ

ฺฺBao Ngoc - Ba Thi
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ผลักดันยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเน้นรูปแบบการปล่อยคาร์บอนต่ำ ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างงานทำและค้ำประกันความยุติธรรมในสังคม โดยผู้ประกอบการสตรีได้ประสบความสำเร็จจากรูปแบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการของรัฐบาลที่ประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2016 เพื่อสนับสนุนสตรีทำธุรกิจสตาร์ทัพระยะปี 2017-2025
รูปแบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ประสบความสำเร็จในโครงการสนับสนุนสตรีทำธุรกิจสตาร์ทอัพ - ảnh 1รูปแบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (hoilhpn.org.vn)
 
 

หนึ่งในหน้าที่และมาตรการแก้ไขที่สำคัญของโครงการฯ คือการสนับสนุนสตรีในการประยุกต์ใช้นวัตกรรมในธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งผ่านโครงการนี้ สหภาพสตรีทุกระดับทั่วประเทศได้สนับสนุนสตรีทั่วประเทศกว่า 14,500 คนทำธุรกิจสตาร์ทอัพท์ที่ "เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม" จนประสบความสำเร็จ เช่น โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า Green Life ในจังหวัด Quang Ninh ของคุณเจิ่นถิเฮือง โครงการ "ผลิตภัณฑ์ชีวภาพอเนกประสงค์สำหรับครัวเรือน" ของสหพันธ์สตรีจังหวัดฟู้เอียนที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ ซึ่งปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและโครงการ " วุ้นเส้นอบแห้งลิงห์ฟู้" ของคุณหว่างถิเหลย จากจังหวัดเตวียนกวางที่ผลิตวุ้นเส้นอบแห้งที่ไม่ใส่สีและไม่ใช้วัตถุกันเสีย เป็นต้น ซึ่งสตรีทุกคนต่างตั้งใจฟันฝ่าอุปสรรค เรียนรู้ประสบการณ์และประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นาง ฝ่ามถิห่งงา หัวหน้าโครงการปลูกดอกไม้และผลิตน้ำกุหลาบแบบอินทรีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของสตรีที่ได้รับรางวัลในการประกวด สตรีทำธุรกิจสตาร์ทอัพปี 2020 แสดงความคิดเห็นว่า “เพื่อบรรลุมาตรฐานอินทรีย์ เราต้องการปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุ์พืชและสภาพภูมิอากาศ ด้วยสภาพภูมิอากาศของจังหวัดท้ายเหงวียนที่แปรปรวน โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนจัด จำเป็นต้องดูแลต้นไม้ให้ดีด้วยรูปแบบอินทรีย์เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ สำหรับโครงการของเราได้รับการสนับสนุนจากสมาคมฯ ซึ่งเราจะขยายขอบเขตและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยต่อไปเพื่อพัฒนาเครื่องหมายการค้าและเจาะตลาดต่างๆมากขึ้น

ส่วนนาง เลถิกิมเกือง ผู้อำนวยการบริษัทลงทุน หมีกิม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นระบบปลูกผักปลอดสารพิษในบ้านได้กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นแนวโน้มของอนาคต ในอนาคต พื้นที่เพาะปลูกจะน้อยลงเนื่องจากปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำและอากาศ การพัฒนาการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจะเป็นแนวโน้มใหม่ ดังนั้นเราจึงได้คิดค้นระบบปลูกผักแบบอัจฉริยะที่บ้าน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราต่างมีใบรับรองปลอดสารพิษ โดยเฉพาะผลไม้มีการรับประกันกับลูกค้าเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของเราปลอดภัยอย่างแท้จริง

ที่น่าสนใจคือ ความคิดริเริ่มต่างๆเพื่อสนับสนุนสตรีทำธุรกิจสตาร์ทอัพนับวันเน้นถึงด้านการเกษตรและสตรีในเขตชนบทมากขึ้น โดยสหพันธ์สตรีทุกระดับเน้นผลักดันเปิดการฝึกอบรมถ่ายทอดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยให้สตรีสามารถเข้าถึงวิทยาศาสตร์และเทคนิคที่ทันสมัยเพื่อประยุกต์ใช้ในการผลิตเกษตร ค้ำประกันให้สตรีกู้เงินเพื่อลงทุนในการผลิตและประกอบธุรกิจ สนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มร่วมงาน ตัวอย่างพัฒนาเศรษฐกิจและเครือข่ายร้านค้าเพื่อเชื่อมโยงในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ปลอดสารพิษ ซึ่งช่วยให้นับวันมีสตรีที่ประสบความสำเร็จเนื่องจากพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นาง หวออ๊ายหว่า รองประธานาสมาพันธ์สตรตีจังหวัดเบ๊นแจเผยว่า “เราสนับสนุนให้สมาชิกสามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและเข้าร่วมโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OCOP นอกจากนี้ ในการปฏิบัติโครงการอื่นๆ เช่น โครงการสตาร์ทอัพร่วมกัน โครงการพัฒนาสถานประกอบการ ทางสมาพันธ์ฯ ยังเน้นปฏิบัติกิจกรรมที่หลากหลาย โดยทางเราได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการฝึกอบรมและเสนอขั้นตอนการผลิตให้แก่สตรีเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่บรรลุมาตรฐานด้านคุณภาพและได้รับใบรับรองเป็นผลิตภัณฑ์ OCOP

การทำธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะสำหรับสตรี แต่ในความเป็นจริง นับวันมีสตรีหลายคนที่ประสบความสำเร็จในการสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการสนับสนุนสตรีทำธุรกิจสตาร์ทอัพระยะปี 2017-2025 ซึ่งความสำเร็จของสตรีทุกคนในการทำธุรกิจแบบนี้ไม่เพียงแต่เป็นการให้กำลังใจต่อชุมชนสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะสตรีเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของเวียดนามอีกด้วย ./. 

Feedback