( VOVworld )-
เกือบ๑สัปดาห์ที่เปิดงานนิทรรศการหนังสือ ๒๐๑๔ ได้มีคนหลั่งไหลมาโดยเฉพาะหนุ่มสาวที่มาเพื่อหาหนังสือดีและหนังสือที่เพิ่งออกสู่สายตาผู้อ่าน งานนิทรรศการหนังสือถูกจัดขึ้นในปีนี้เป็นปีแรกและประสบความสำเร็จเพราะมีจำนวนผู้สนใจมาร่วมงานอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งเป็นการปลูกฝังจิตใจรักการอ่านให้แก่หนุ่มสาวนครหลวงเพื่อเพิ่มความรู้ให้แก่ตนเอง หนุ่มสาวเหล่านี้ถือหนังสือเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่ถ่ายทอดความรู้ใหม่ๆให้แก่พวกเขา
โลโกงานนิทรรศการหนังสือฮานอย ๒๐๑๔
งานนิทรรศการหนังสือฮานอยปี ๒๐๑๔ในหัวข้อ “ ฮานอย – นครแห่งสันติภาพ ” จัดขึ้นในบริเวณพระราชวังหว่างแถ่งทังลองตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน-๒ตุลาคม โดยมีสำนักพิมพ์๔๕ แห่งส่งหนังสือประมาณ ๑๐,๐๐๐ หัวในประเภทต่างๆเช่น หนังสือสำหรับเด็ก หนังสือวรรณกรรม หนังสือเศรษฐกิจและหนังสือวิทยาศาสตร์เข้าร่วม ออกบูธกว่า ๑๐๐ บูธ และมีผู้สนใจหลายหมื่นคนเข้ามาชมและซื้อหนังสือ โดยผู้อ่านที่เป็นนักศึกษาและนักเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในกรุงฮานอยมาร่วมเป็นจำนวนมากที่สุด นี่นับเป็นงานเทศกาลหนังสือที่ปลูกฝังจิตใจรักการอ่านของหนุ่มสาว อีกทั้งมีกิจกรรมพบปะกับนักเขียนที่กำลังได้รับความนิยมและขอลายเซ็นเจ้าของผลงานก็เป็นการส่งเสริมให้กำลังใจคนรุ่นใหม่ในการรักการอ่านหนังสือมากขึ้น นายด่าวแทงตุ่งนักศึกษามหาวิทยาลัยชลประทานเปิดเผยว่า “ ผมชอบอ่านหนังสือและมักจะอ่านในช่วงเวลาว่าง แต่ละวันผมจัดเวลาอ่านหนังสือประมาณ ๓๐ นาที หนังสือที่ผมชอบอ่านคือ หนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จในชีวิต การปลุกความสามารถของคนและหนังสือรักด้วย หนังสือคือประสบการณ์และบทเรียนของคนรุ่นก่อนๆเมื่ออ่านจะมีประโยชน์และเรียนรู้ได้หลายอย่าง ดังนั้นงานนิทรรศการหนังสือจึงมีประโยชน์มากและสมควรจัดเป็นประจำ ”
คุณเลแทงเฮือง นักศึกษาหญิงมหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศมีความคิดเห็นว่า ความคิดเห็นที่ว่า หนุ่มสาวไม่สนใจอ่านหนังสือถือเป็นการมองข้างเดียว ตัวดิฉันเองยังชอบอ่านหนังสือ คุณเฮืองกล่าวว่า “ดิฉันชอบอ่านหนังสือ และมักอ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การทำธุรกิจ ความสามารถในการดำรงชีวิตและหนังสือทางจิตวิทยา ดิฉันไม่อยากอ่านหนังสือออนไลน์เพราะทำให้เมื่อยตา หนูชอบอ่านหนังสือที่พิมพ์ ดิฉันซื้อหนังสือมากพอสมควร ดิฉันสนใจเนื้อหาของหนังสือว่าได้อะไรจากมัน ”
หนังสือคือคลังความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด หนังสือแต่ละเล่มถือเป็นโลกแห่งความรู้ใบหนึ่ง ส่วนผู้ที่รักการอ่านหนังสือจะเป็นการรักตลอดชีวิต คุณเฟืองญี ทนายความในนครหลวงฮานอยเปิดเผยว่า “ สำหรับดิฉันนั้น การอ่านหนังสือเป็นความต้องการในชีวิตโดยไม่จำกัดในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เนื่องจากทำงานด้านกฎหมายดิฉันจึงต้องอ่านหนังสือในด้านนี้มากกว่า ซึ่งได้ทำให้มีความรู้มากขึ้น เมื่อมีเวลาว่างดิฉันมักจะอ่านนวนิยายของญี่ปุ่น สมันเป็นเด็กดิฉันมักอ่านนวนิยายของรัสเซียและฝรั่งเศส ดิฉันเชื่อว่า เพื่อนร่วมอาชีพและประชาชนอยู่ในละแวกบ้านดิฉันยังรักการอ่านอยู่ ”
ความคิดเห็นว่า หนังสือเป็นครูคือความคิดเห็นที่ทรงคุณค่ามาตลอด ผู้ที่อ่านหนังสือเยอะๆจะได้เรียนรู้มากขึ้น แต่ในปัจจุบัน หนังสือที่ได้ตีพิมพ์สู่สายตาประชาชนมีจำนวนมาก ดังนั้นผู้อ่านต้องรู้จักเลือกหนังสือที่มีความรู้เหมาะกับความต้องการของตนเอง คุณด่าวแทงตุ่ง นักศึกษามหาวิทยาลัยชลประทานเห็นว่า การเลือกหนังสือนั้นต้องมากจาความต้องการของแต่ละคน นายตุ่งกล่าวว่า “ ต้องสนใจเนื้อหาของหนังสือเป็นอันดับแรกเพื่อให้รู้ว่าเป็นหนังสือดีและมีผู้อ่านสนใจมากน้อยแค่ไหน ต่อมาคือเลือกสำนักพิมพ์ ผมชอบสำนักพิมพ์ต่วยแจ๋ สมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายผมไม่ค่อยอ่านหนังสือ ต่อมาก็ค่อยๆสนใจมากขึ้น ”
ฮานอยได้รับการรับรองเป็นเมืองแห่งสันติภาพจากยูเนสโก
มาได้ ๑๕ ปี
งานนิทรรศการหนังสือฮานอยปี ๒๐๑๔ นี้ยังดึงดูงความสนใจนักเรียนอีกด้วย นักเรียนเหล่านี้เรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์หลายอย่างจากหนังสือและพวกเขาได้มาหาหนังสือเอง เด็กชายเหงวียนดังคัว นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นปีที่ ๑ เปิดเผยว่า “ ผมชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการบินเพราะผมชอบหน่วยงานนี้ ผมอ่านหนังสือในวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมเข้าใจเกี่ยวกับความเร็วของปีกบิน เมื่อลงจอดความเร็วจะเป็นเท่าไหร่และความเร็วสูงสุดของเครื่องบินจะเป็นเท่าไหร่ อาทิเช่น เครื่องบินเอฟ๓๕ มีความเร็วสูงสุด๑,๙๓๐ กม.ชั่วโมง มันสามารถลงจอดในแนวดิ่ง บินในแนวตั้งและแนวนอนได้ ” การอ่านหนังสือจะช่วยเพิ่มความรู้ให้แก่ตนเองและช่วยเพิ่มคุณค่าทางวัฒนธรรมและความรู้ของชาติด้วย งานนิทรรศการฮานอยปี ๒๐๑๔มีส่วนร่วมปลูกฝังความรักหนังสือต่อหนุ่มสาวชาวกรุง ./.