บิ่งถวนปลูกแก้วมังกรปลอดสารพิษเพื่อป้อนให้แก่ตลาดชั้นนำ |
จากประสบการณ์ปลูกแก้วมังกรในตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา นายเหงียนก๊วกเงวียนหวูเห็นว่า หากปลูกตามรูปแบบเก่า แก้วมังกรจะขายได้ราคาไม่ดี จึงได้เปลี่ยนมาปลูกตามมาตรฐาน Global GAP เมื่อ 3 ปีก่อนในพื้นที่ 25 เฮกตาร์ โดยได้ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเกาหลีและแคนาดา หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จในฤดูเก็บเกี่ยวปีก่อนๆ ในปีนี้ นายหวูได้ลงทุนขยายการปลูกแก้วมังกรตามมาตรฐาน Global GAP เพิ่มอีก 20 เฮกตาร์ นายเหงียนก๊วกเงวียนหวูเผยว่า “เกษตรกรควรเป็นฝ่ายรุกในการเพิ่มคุณภาพให้แก่แก้วมังกรเพื่อเพิ่มมูลค่าผ่านการปลูกตามมาตรฐาน Global GAP หรือผลไม้ปลอดสารพิษเพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพาแต่ตลาดเก่าแก่”
การผลิตตามมาตรฐาน Global GAP ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการดูแลผลผลิตอย่างเข้มงวด รวมถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและการหีบห่อผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก ดังนั้น สวนปลูกแก้วมังกรเพื่อการส่งออกจึงมีความแตกต่างกับสวนธรรมดา โดยแบ่งพื้นที่ปลูกตามตัวเลขเพื่อความสะดวกในการดูแล และตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าหากเกิดปัญหาการตกค้างสารเคมีและโรคระบาด ที่ฟาร์ม เซินจ่า อำเภอห่ามถวนนาม ซึ่งมีพื้นที่ปลูกแก้วมังกรกว่า 20 เฮกตาร์ มีเกษตรกรที่ดูแลแต่ละขั้นตอน เช่น การใช้ปุ๋ย การตัดกิ่งและการรดน้ำ โดยมีการบันทึกข้อมูลของแต่ละพื้นที่การปลูกอย่างละเอียด นายเหงียนหิวเฟือง ผู้ดูแลเทคนิคในฟาร์มเซินจ่าเผยว่า “การปลูกแก้วมังกรปลอดสารพิษยากกว่าปลูกแก้วมังกรธรรมดา โดยเฉพาะเพื่อส่งออกไปขายในตลาดที่มีเงื่อนไขเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การเก็บรักษา การแปรรูปและการขนส่ง ซึ่งความเข้มงวดเหล่านี้ทำให้แก้วมังกรปลอดสารพิษมีราคาสูงกว่าแก้วมังกรธรรมดา”
นอกจากฟาร์มสองแห่งที่มีชื่อเสียงในการปลูกแก้วมังกรปลอดสารพิษคือฟาร์มหว่างเห่าและฟาร์ผักและผลไม้บิ่งถวนแล้ว ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ฟาร์มในจังหวัดบิ่งถวนที่กำลังเดินหน้าปลูกแก้วมังกรปลอดสารพิษเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิต เช่น ฟาร์มยาแถ่ง ฟุ๊กอานและเซินจ่า ซึ่งแก้วมังกรในฟาร์มเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้มาตรฐานเพื่อส่งออกไปยังตลาดระดับบน เช่น เยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลีและอินเดียโดยมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 3 หมื่นด่งต่อกิโลกรัม
สำนักงานการเกษตรและพัฒนาชนบทบิ่งถวนเผยว่า ปัจจุบันนี้ ในจังหวัดบิ่งถวนมีพื้นที่ปลูกแก้วมังกรตามมาตรฐาน Global GAP ประมาณ 220 เฮกตาร์ ซึ่งหน่วยงานการเกษตรของจังหวัดฯได้วางแนวทางว่า ถึงปี 2020 จะเน้นปลูกแก้วมังกรตามมาตรฐานปลอดสารพิษเพื่อขยายการส่งออกไปยังตลาดที่เข้มงวดต่างๆ โดยเมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้อนุมัติให้นำเข้าแก้วมังกรของเวียดนาม ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับเกษตรกรที่ปลูกแก้วมังกรของเวียดนาม นายฝามหิวถู หัวหน้าสำนักงานการเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดบิ่งถวนเผยว่า “สำหรับการส่งออกไปยังตลาดออสเตรเลีย ต้องมีการระบุแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร การตรวจโรคและแมลง ดังนั้น พวกเรากำลังรณรงค์ให้เกษตรกรปลูกแก้วมังกรในท้องถิ่นทำการปลูกตามมาตรฐาน GAP หรือ Global GAP”
ในแนวโน้มแห่งการผสมผสานและขยายตลาด การปลูกแก้วมังกรตามมาตรฐาน Global GAP เป็นแนวทางที่ยั่งยืนเพื่อช่วยให้เกษตรกรยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และแสวงหาตลาดที่มั่นคง ซึ่งเกษตรกรที่เดินหน้าในการเปลี่ยนแปลงใหม่วิธีการปลูกและลงทุนตามแนวทางทำการเกษตรปลอดสารพิษกำลังสร้างโอกาสที่ดีให้แก่ผลไม้ที่มีความได้เปรียบของจังหวัดบิ่งถวน.