(VOVworld)- “ถ้าหากไม่ใช่คนที่มีใจรัก มีความศรัทธาและสำนึกในบุญคุณของทหารผู้ที่ได้เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองก็ไม่สามารถมีความผูกพันธ์และทำงานที่นี่ตลอดไป” นี่เป็นการยืนยันของเจ้าหน้าที่ทุกคนในศูนย์พักฟื้นทหารทุพพลภาพ กิมบ๋าง จังหวัด ห่านาม สถานที่ดูแลทหารทุพพลภาพทางสมองเนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะในสงครามต่อต้านอเมริกา
|
การทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพให้แก่ทหารทุพพลภาพหนัก
|
งานประจำทุกเช้าของเจ้าหน้าและแพทย์พยาบาลในศูนย์พักฟื้นกิมบ๋างคือการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพให้แก่ทหารทุพพลภาพหนักที่กำลังได้รับการบำบัดรักษาที่นี่ นาย Lê Tuấn Anh เจ้าหน้าที่ศูนย์เผยว่า ช่วงเช้าจะทำการฝึกประมาณ30นาที-1ชั่วโมงโดยขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคน ฝึกด้วยอุปกรณ์หรือฝึกดูข่าวทีวี พวกเขาก็เข้าใจได้บ้างถ้าเราคอยติดตามช่วยแนะนำอย่างไกล้ชิด หากวันไหนอากาศเปลี่ยนอาการกำเริบ พวกเขาก็จะไม่สนใจ
นาย Nhì และ Tư เป็นทหารทุพพลภาพ2คนที่กำลังได้รับการแนะนำการฝึกจากคุณ Đỗ Thị Thúy เจ้าหน้าที่ศูนย์ โดยนาย Tư มีหน้าตาซึมเศร้าทุกวัน ส่วนนายNhì กลับยิ้มอยู่คนเดียวตลอดและเมื่อเห็นมีคนมาเยี่ยมก็แนะนำตัวว่า ผมอายุ74ปี มีภูมิลำเนาที่อ.เกี๊ยนเซือง จังหวัดท้ายบิ่ง ได้รับบาดเจ็บขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศลาวตอนอายุ40ปี หลังจากนั้นได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเสนารักษ์108 ในกรุงฮานอยและมารักษาที่นี่ตั้งแต่ปี1986 ครอบครัวของผมมาเยี่ยมบ่อยและก็อยากรับผมกลับบ้าน แต่ผมชอบอยู่ที่นี่เพราะสามารถทำการรักษาได้ดีกว่า ผมชอบทำความสะอาด กวาดใบไม้ที่สวน เสียงหัวเราะไร้เดียงสาของผู้ป่วยทางสมองอย่างเช่นคุณ Nhì ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงสาร ซึ่งคุณ Đỗ Thị Thúy บอกว่าแม้จะป่วยหนักแต่เรื่องในอดีตคุณ Nhì ยังจำได้หมดเว้นแต่เรื่องปัจจุบันคุณลุง Nhì ชอบ ไปกวาดใบไม้กับพวกเรา แต่ถ้าวันไหนป่วยก็นั่งอยู่ในห้องไม่พูดไม่จา แต่เดียวนี้อาการของเขาก็ดีขึ้นแล้ว ครอบครัวก็ให้ความเอาใจใส่รับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดเป็นเดือน แต่ก็ไม่สามารถอยู่นานได้เพราะไม่มีใครให้เขากินยาได้ เมื่ออาการกำเริบหนักขึ้นก็ไม่สามารถควบคุมได้นอกจากแพทย์ที่นี่ดังนั้นจึงส่งกลับมารักษาที่ศูนย์
|
เรื่องให้ทุกคนทานยาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
|
คุณ Thúy เล่าว่าแม้จะทำงานที่นี่เกือบ10ปีแล้วแต่ทุกครั้งที่พูดถึงทหารทุพพลภาพที่นี่เธอยังรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เธอบอกว่าทุกคนที่มารักษาตัวที่นี่น่าสงสารทุกคน ซึ่งต้องมีความเมตตาอารีถึงจะให้ความดูแลเอาใจใส่ต่อพวกเขาได้ดีดังนั้นแม้จะได้มีโอกาสเปลี่ยนงานที่ดีกว่าแต่เธอก็ไม่ไปไหนเพราะชีวิตมีความผูกพันธ์กับทหารที่เจ็บป่วยที่นี่แล้ว ทหารเที่มารักษาในศูนย์ส่วนใหญ่ครอบครัวอยู่ไกลหรือเป็นคนไร้ที่พึ่ง ไม่มีญาติพี่น้องหรือคนดูแล ดังนั้นพวกเราจึงให้ความเอาใจใส่ทุกคนเหมือนคนในบ้านเดียวกัน ด้วยใจศรัทธาและความสำนึกในบุญคุณของทหารทุกคน พวกเราอยู่ร่วมกันทั้งวันจึงมีความเข้าใจในความรู้สึกนึกคิดและนิสัยของแต่ละคน เช่นคุณ Tư นั้นถ้าอยากให้เขาเข้าทานข้าวก็ต้องพูดเอาใจว่า”ไปทานข้าวนะลุงทานแล้วจะได้แข็งแรงนะคะ” เขาถึงจะทำตาม ส่วนที่หน่วยรักษาผู้ป่วยด้านสมองไม่สามารถคุมตัวเองได้ การดูแลก็ยิ่งลำบากมากขึ้น ซึ่งสำหรับนาย Vũ Thế Anh กว่า10ปีที่ทำงานที่นี่เขาก็มีความเข้าใจถึงความปวดร้าว ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของทหารทุพพลภาพทุกคนได้อย่างลึกซึ้ง โดยต้องมีความเห็นอกเห็นใจกันถึงจะอดทดกับหน้าที่การดูแลทหารที่นี้ได้ดี ผู้ป่วยทุกคนไม่รู้ตัว ต้องป้อนข้าว อากาศหนาวต้องคอยใส่เสื้อกันหนาวให้ ถ้าเผลอไปแป๊ปเดียวก็อาจจะหนาวตายได้ กลางคืนต้องผลัดเปลี่ยนกันทุกๆ15นาทีเดินตรวจทุกห้องเพื่อดูว่าพวกเขานอนยังไงจะได้ช่วยห่มผ้าหรือกางมุ้งให้เรียบร้อย
นาย Vũ Thế Anh บอกว่าต้องติดตามเรื่องกิจวัตรทุกอย่างของทหารทุพพลภาพที่ศูนย์อย่างใกล้ชิด เพราะถ้าพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจจะส่งผลเสียที่ไม่อาจคาดคิดได้ เช่นของมีคมจะต้องเก็บให้ห่างจากพวกเขา รวมทั้งเรื่องให้ทุกคนทานยาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งทุกวันเมื่อเห็นสภาพของทหารแต่ละคน บรรดาเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลที่นี่ต่างก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะถ้าไม่มีสงครามป่านนี้พวกเขาคงจะได้อยู่ดีมีสุขกับครอบครัว และโดยที่เข้าใจความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่นั้น เจ้าหน้าที่ศูนย์พักฟื้นทหารทุพพลภาพ กิมบ๋าง ดังเช่นคุณ Anh คุณ Thúyและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็ได้พยายามดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีเพื่อแบ่งเบาความปวดร้าวโดยถือว่า ศูนย์แห่งนี้คือชายคาที่อบอุ่น ส่วนทหารทุพพลภาพคือสมาชิกในบ้านเดียวกัน./.