นาย หย่างอาไหย่ |
นาย หย่างอาไหย่ ชาวม้งในหมู่บ้านหรึ่งทง ตำบลเหมื่องบอน อำเภอมายเซิน จังหวัดเซินลาได้เริ่มทำธุรกิจสตาร์ทอัพด้วยความหลงใหลในสิ่งที่ทำ โดยหลังจบจากมหาวิทยาลัยไตบั๊ก เขาได้ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศอิสราเอลเพื่อศึกษาการทำเกษตรของอิสราเอล ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายเพื่อนำมาประยุกต์ในบ้านเกิด“ทำไมชาวยิวถึงสามารถพัฒนาทะเลทรายให้เป็นสวนผักเพื่อจัดสรรค์ผลผลิตให้แก่ยุโรปได้ โดยไม่ต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ย ส่วนเวียดนามอยู่ในเขตร้อน มีที่ดินที่อุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศที่เหมาะกับการเกษตร จึงมีศักยภาพในการพัฒนาเกษตรอินทรีย์มากกว่า”
นาย หย่างอาไหย่ ได้แนะนำความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำเกษตร โดยเฉพาะการปลูกผักและพืชให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านหรึ่งทงที่ประสบความลำบากเนื่องจากปัญหาภัยแล้งและที่ดินไม่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งโครงการปลูกผักของเขาได้ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้หลายร้อยล้านด่ง แต่นาย หย่างอาไหย่ ยังมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาหมู่บ้านให้นับวันเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น โดยนอกเหนือจากการก่อสร้างศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชที่ทนแล้งและระบบน้ำหยดใส่พืชแล้ว เขายังวิจัยและประยุกต์ใช้ผลสำเร็จของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ในโครงการปลูกผักของตน
ความปรารถนาของเยาวชนชนกลุ่มน้อยหลายคนในการสร้างฐานะด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งต่างๆของท้องถิ่น เช่น นาง ถ่าวถิซุง ชาวม้งในซาปา จังหวัดลาวกายสร้างฐานะจากชีพอท่อผ้าพื้นเมือง ได้มีส่วนร่วมพัฒนาหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยที่ยากจนต่างๆ ส่วนนาง เหงวียนถิเกิ๊มตู๊ ชาวไตในเมืองบั๊กห่า จังหวัดลาวกายได้ใช้ประโยชน์จากเอกลักษณ์วัฒนธรรมในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว โดยได้จัดตั้งบริษัทเกิ๊มตู๊จำกัดที่บริหารหุบเขาดอกไม้บั๊กห่า ซึ่งแต่ละปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายแสนคนมาเที่ยวชมและสร้างงานทำให้แก่ชาวบ้านในท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก“ในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อประสบความสำเร็จ อีกทั้งต้องศึกษาและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่นต่างๆ”
โครงการปลูกดอกไม้ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของนาง เหงวียนถิเกิ๊มตู๊ (http://baocongthuong.com.vn) |
ส่วนนาย หล่าวันฟอง ชาวไทในกวิ่งยาย จังหวัดเซินลา ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำและทิวทัศน์ที่สวยงามในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยสหกรณ์ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศกวิ่งยายมีสมาชิกเกือบ 20 คน ให้บริการเที่ยวชมโครงการไฟฟ้าพลังน้ำและศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมของชนเผ่าไทในผืนดินกวิ่งยาย นาย หล่าวันฟองเผยว่า“การประกอบธุรกิจอาจประสบทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว แต่ผมไม่กลัว ผมคิดว่า ความหลงใหลในสิ่งที่ทำและการถอดประสบการณ์ต่างๆจะนำไปสู่ความสำเร็จ”
เยาวชนชนกลุ่มน้อยอย่าง นาย หย่างอาไหย่ นาง ถ่าวถิซุง และนาย หล่าวันฟองได้แปรความฝันและความปรารถนาให้เป็นความจริง โดยมีความประสงค์ที่จะพัฒนาหมู่บ้านของตนให้นับวันสวยงามยิ่งขึ้น จากบทบาทเป็นหน่วยงานสื่อสารมวลชนมัลติมีเดีย สถานีวิทยุเวียดนามกำลังเดินพร้อมกับขบวนการธุรกิจสตาร์ทอัพในเขตชนกลุ่มน้อย โดยได้สนับสนุนการเชื่อมโยงและการเผยแพร่รูปแบบและโครงการธุรกิจสตาร์ทอัพของประชาชนชนกลุ่มน้อย ซึ่งรายการ “ความปรารถนาแห่งธุรกิจสตาร์ทอัพในหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย”ของสถานีวิทยุเวียดนาที่เชิดชูสดุดีตัวอย่างที่ดีในขบวนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพในเขตชนกลุ่มน้อยจะได้รับการจัดขึ้นในทั่วประเทศ.