ครูเลืองถิมิงห์เหงียด (Photo Internet) |
ในตลอด 16 ปีที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียน ครูเลืองถิมิงห์เหงียดได้พยายามศึกษาหาวิธีการสอนใหม่ๆเพื่อเพิ่มคุณภาพให้แก่การศึกษา ดังนั้นแม้จะเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษแต่เธอได้สอดแทรกข้อมูลใหม่ๆเกี่ยวกับชีวิตในบทเรียนเพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียน ตลอดจนมีการสร้างความหลากหลายในวิธีการสอนผ่านการแสดงละคร การใช้คำถามกวนๆบน tablet และพานักเรียนไปทัศนศึกษา ซึ่งได้ช่วยให้ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ครูเหงียนวันเหียบ ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเหียบบิ่งห์ชื่นชนว่า “ครูมิงห์เหงียดเป็นครูที่เดินหน้าในขบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่วิธีการสอน ประยุกต์ใช้อุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย โดยเฉพาะ tablet หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ นอกจากนี้ เธอยังทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ในการศึกษาและปฏิบัติตามแบบอย่างคุณธรรมและแนวความคิดของประธานโฮจิมินห์อีกด้วย”
ไม่เพียงแต่สอนความรู้ ครูมิงห์เหงียดยังคงปฏิบัติโครงการที่เดินพร้อมกับนักเรียน ซึ่งช่วยให้เด็กๆมีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์และเสริมทักษะชีวิต สำหรับโครงการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักเรียนและผู้ปกครองคือโครงการ “ขยะเอ๊ย อย่าหลงทาง” โดยใช้วิธีการเรียนการสอนแบบสหวิทยาการเพื่อนำความรู้มาให้แก่นักเรียนและสอดแทรกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขยะที่ถูกทิ้งในลานโรงเรียน เช่น ขวด ถูกเก็บและนำไปทำเป็นสิ่งของที่มีประโยชน์ เช่น กระถางปลูกดอกไม้ อุปกรณ์การเรียนและเสื้อผ้าสำหรับการเดินแฟชั่น เด็กชายเหงียนเฟือกเอิน นักเรียนของโรงเรียนเผยว่า “โครงการของครูเหงียดสนุกมากครับ เราไม่เพียงแต่ได้ศึกษาหาความรู้เท่านั้นหากยังได้มีโอกาสร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อนๆเห็นว่า พวกเรากำลังทำสิ่งที่เป็นประโยชน์จึงปฏิบัติตาม ซึ่งช่วยให้โรงเรียนของเราสวยงามและสะอาดมากขึ้น”
ไม่เพียงแต่สอนความรู้ ครูมิงห์เหงียดยังคงปฏิบัติโครงการที่เดินพร้อมกับนักเรียน (Photo Internet) |
ในช่วงปีการศึกษาใหม่ นอกจากตรวจสอบความรู้ของนักเรียนแล้ว ครูมิงเหงียดยังทำแบบสอบถามสถานะครอบครัวเพื่อให้การช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจน ซึ่งเธอได้รณรงค์ให้ผู้ปกครองและอดีตนักเรียนร่วมแรงร่วมใจจัดกองทุน “ช่วยเพื่อนฟันฝ่าอุปสรรค” ส่วนเธอเองก็ออมเงินจำนวนหนึ่งในแต่ละเดือนเพื่อบริจาคให้แก่กองทุนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ “เติมไฟ”ให้แก่นักเรียนที่ยากจน ครูมิงเหงียดบอกว่า “ดิฉันเป็นเด็กกำพร้าต้องอยู่อาศัยกับปู่ย่าตายาย จึงต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ เมื่อโตขึ้น ดิฉันฝันอยู่เสมอว่า จะสามารถทำได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้การช่วยเหลือนักเรียนที่ด้อยโอกาสเหมือนเรา”
ทุนการศึกษาของกองทุน “ช่วยเพื่อนฟันฝ่าอุปสรรค” ได้ช่วยให้นักเรียนยากจนหลายคนในโรงเรียนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและสามารถเรียนหนังสือต่อไป ดังเช่นกรณีของนางสาวเจืองแทงเตวี่ยน นักเรียนม. 6 ซึ่งเป็นลูกกำพร้าพ่อ ส่วนคุณแม่ก็ล้มป่วยหนัก จึงทำให้เรื่องการศึกษาของเธอลำบากมาก ดังนั้น เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่ได้รับทุนการศึกษาจากกองทุนฯ นี่คือแรงจูงใจให้เธอทำตามความฝันคือสอบเข้ามหาวิทยาลัย “หนูมีความสุขและประทับใจมากที่ได้รับทุนการศึกษาเพื่อจ่ายค่าเรียนและค่าาใช้จ่าย ครอบครัวของหนูยากจนมาก ดังนั้นทุนการศึกษาดังกล่าวเป็นประโยชน์มาก หนูขอขอบคุณครูมิงห์เหงียดและจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
การอุทิศตนและช่วยนักเรียนอย่างเงียบๆ คือการดำเนินชีวิตที่ครูเลืองถิมิงห์เหงียดกำลังทำต่อไป เธอบอกว่า ความสุขของเธอในชีวิตนี้คือได้มีโอกาสสอนความรู้และอยู่ใกล้กับลูกศิษย์ในทุกวันเพื่อช่วยให้พวกเขาก้าวรุดหน้าไป ซึ่งส่วนอุทิศต่างๆของเธอก็ได้รับการยกย่องสดุดีจากทางการนครโฮจิมินห์โดยเมื่อเร็วๆนี้ ครูเลืองถิมิงห์เหงียดได้รับรางวัล “บุคคลดีเด่นในการศึกษาและปฏิบัติตามแนวความคิด คุณธรรมและบุคลิกของประธานโฮจิมินห์” นับเป็นรางวัลที่มีความหมายเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เธอพยายามต่อไปเพื่ออนาคตของนักเรียนทุกคน.