จากการใช้ภาษาและชุดแต่งกายที่ไม่เหมือนกันชนเผ่าม้งในเวียดนามได้ถกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเช่น ม้งขาว ม้งดำ ม้งแดง ม้งมาน หรือนาแม้ว เป็นต้น  ชื่อของชาวม้งก็เป็นส่วนหนึ่งที่บ่งชี้ถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่โดดเด่น โดยเมื่อก่อนนี้คนทั่วไปเรียกชาวม้งว่าแม้ว ซึ่งมีความหมายตามภาษาฮั่นนมคือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักซึ่งผูกพันกับการทำนาทำสวนและพืชพันธุ์แต่ไม่มีการเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่ อาศัยในเขตเขาสูงจึงถนัดกับการทำไร่ทำนาขั้นบันใด ดร.เจิ่นทูถวี นักวิจัยด้านชาติพันธุ์เผยว่า“ชาวม้งได้อพยพเข้ามาอาศัยในเวียดนามก่อนหน้านี้ประมาณ500ปีซึ่งตอนนั้นชนเผ่ากิงหรือเวียดได้อาศัยในเขตที่ราบ ส่วนกลุ่มชนเผ่าเย้า ไต ไท ได้อาศัยในในพื้นที่หุบเขาไม่มีที่สำหรับชาวม้งเข้ามาตั้งหลักแหล่งดังนั้นชาวม้งก็ต้องขึ้นเขาบุกเบิกพื้นที่ใหม่เพื่อดำเนินชีวิต ทำไร่ทำนาและปลูกข้าวนาดำและสามารถปรับตัวเข้ากับทุกสภาพแวดล้อมและสร้างสรร์รูปแบบการผลิตใหม่พร้อมกิจกรรมวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับท้องถิ่นที่ตนอาศัย”

ชนเผ่าม้งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ดำเนินชีวิตตามประเพณีวัฒนธรรมที่ผู้ชายมีอำนาจในครอบครัว มีบทบาทสถานะสำคัญในการตัดสินใจทุกอย่างและเป็นผู้สืบทอดมรดกตกทอดของครอบครัว การแต่งงานก็มักจะอยู่ในวงศ์ตระกูลเท่านั้นซึ่งมีน้อยคนที่ไปแต่งงานกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น นอกจากนี้ชาวม้งเชื่อว่าการแต่งงานมีครอบครัวก็เป็นการสืบวงศ์ตระกูลและเพิ่มชื่อเสียงเช่นเดียวกับการเพิ่มแรงงานให้แก่ครอบครัวดังนั้นแต่ละครอบครัวมักจะมีบุตรหลายคนและพ่อแม่จะอยู่กับบุตรชายคนสุดท้องซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่บูชาบรรพบุรุษของครอบครัว

ทั้งนี้ระบบกฎเกณฑ์ในการจัดระเบียบของวงศ์ตระกูลจึงมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก โดยในแต่ละวงศ์ตระกูลจะต้องมีการแต่งตั้งผู้ที่เป็นหัวหน้าตระกูลที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการแก้ไขทุกปัญหาของครอบครัวและหมู่บ้าน แต่ละตระกูลจะมีกฎระเบียบที่ไม่เหมือนกันและทุกคนต้องปฏิบัติตาม เช่น ถ้าหากอยู่ในตระกูลเดียวกันก็สามารถอาศัยจนแก่ตายในบ้านของกันได้ แต่เมื่อลูกสาวในบ้านแต่งงานแล้วก็จะเป็นคนของตระกูลของสามีแล้วดังนั้นไม่สามารถกลับไปที่บ้านของพ่อแม่ตัวเองได้อีก

ในประชาคม54ชนเผ่าเวียดนาม ชนเผ่าม้งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่สามารถอนุรักษ์ความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมชนเผ่าไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดท่ามกลางกระแสการพัฒนาและผสมผสานของยุคสมัยในปัจจุบันนี้./.