นาย หวอวันเถือง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรค หัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาส่วนกลาง |
สื่อสังคมมออนไลน์เป็นช่องทางการสื่อสารที่อาศัยเทคโนโลยีที่สามารถนำเสนอ แลกเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงเนื้อหาต่างๆได้ ตลอดจนจัดตั้งเครือข่ายการเชื่อมโยงออนไลน์ต่างๆ สื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเครือข่ายสังคมออนไลน์นับวันพัฒนาเนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ๆจนกลายเป็นช่องทางการสื่อสารและเชื่อมโยงสังคมที่สำคัญ แต่ในทางกลับกันสื่อสังคมออนไลน์ก็สร้างผลกระทบในทางลบและปัญหาต่างๆที่ซับซ้อนจนยากจะคาดเดาได้ ซึ่งรวมไปถึงการสร้างความแตกแยกและความเกลียดชังในสังคม โดยเฉพาะในประเทศที่มีความหลากหลายทางศาสนาและกลุ่มชาติพันธุ์
เวียดนามกำลังต้องเผชิญกับผลกระทบในทางลบจากสื่อสังคมออนไลน์
นาย หวอวันเถืองได้เผยว่า หลังการพัฒนาอินเตอร์เน็ตในตลอด 20ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน เวียดนามมีประชากรกว่า 60 ล้านคนที่ใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นหนึ่งใน 18 ประเทศที่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดและเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศที่มีผู้ใช้ Facebook และYouTube มากเป็นอันดับต้นๆของโลก นี่แสดงให้เห็นถึงนโยบายที่เปิดกว้างและคล่องตัวของเวียดนามในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในยุคดิจิตอล เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ เวียดนามกำลังใช้ประโยชน์ ส่งเสริมจุดแข็งและศักยภาพจากสื่อสังคมออนไลน์ แต่ในทางกลับกัน ก็ต้องเผชิญกับผลกระทบในทางลบที่ยากจะควบคุมได้จากรูปแบบการสื่อสารใหม่นี้ โดยบทเรียนจากประเทศต่างๆทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า ไม่สามารถละเลยหรือขาดความระมัดระวัง อีกทั้งต้องเป็นฝ่ายรุกในการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้คณะหรือบุคคลใดๆฉวยโอกาสใช้สื่อสังคมออนไลน์สร้างความเสียหายต่อเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม ดังนั้น ต้องมีการมองปัญหาสื่อสังคมออนไลน์ทั้งในเชิงบวกและในเชิงลบเพื่อมีมาตรากรควบคุมและบริหารจัดการที่สามารถปกป้อง ส่งเสริมคุณค่าและความก้าวหน้าที่ได้รับการชื่นชมและยอมรับจากสังคม จำกัดผลกระทบในทางลบผ่านมาตรากรที่มีความเข้มแข็ง พร้อมเพรียงและมีประสิทธิภาพ
เพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารเพื่อใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเต็มที่
นาย หวอวันเถืองได้เผยว่า เวียดนามต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับทัศนะ“การเปลี่ยนแปลงใหม่แนวความคิดในการบริหารชี้นำและการบริหารจัดการสื่อออนไลน์ เครือข่ายสังคมออนไลน์และรูปแบบสื่ออื่นๆทางอินเตอร์เน็ตอย่างถูกต้องและสมบูรณ์เพื่อตามทันการพัฒนาของเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ต เป็นฝ่ายรุกและยืนหยัดส่งเสริมการพัฒนาอย่างถูกทิศทางควบคู่กับการบริหารอย่างเคร่งครัด โดยต้องกำหนดว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์คือเครือข่ายที่เปิดเผย มีความสำคัญพิเศษและอยู่เคียงคู่กับการสื่อสารแบบดั้งเดิม ดังนั้น ต้องใช้ประโยชน์จากปัจจัยในเชิงบวกอย่างเต็มที่ ส่งเสริมคุณค่าเชิงก้าวกระโดด กำหนดแนวทางและทำการต่อสู้กับแนวความคิดและทัศนะที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งต้องจัดทำระเบียบการต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารภาครัฐในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ จัดทำกรอบทางกฎหมายที่สนับสนุนการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆและการพัฒนาสื่อสังคมออนไลน์อย่างถูกทิศทาง ซึ่งเพื่อสามารถบริหารงานดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเร่งปรับปรุงเอกสารกฎหมายอย่างพร้อมเพรียง มีการกำหนดมาตราต่างๆให้ชัดเจนและสอดคล้องกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของสื่อสังคมออนไลน์
นายหวอวันเถืองย้ำถึงการส่งเสริมบทบาทเป็นฝ่ายรุกและเป็นกองกำลังเดินหน้าในการกำหนดแนวทางการพัฒนาสื่อมวลชนในการรายงานข่าวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสื่อมวลชนปฏิวัติต้องส่งเสริมบทบาทและสถานะของตนมากขึ้นในยุคเทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างถูกต้อง ทันการณ์ มีภาวะวิสัยและน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ เวียดนามก็ต้องส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและเทคนิกให้สอดคล้องและตามทันการพัฒนาของอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์ ส่งเสริมเครือข่ายสังคมออนไลน์ภายในประเทศให้พัฒนา ส่งเสริมให้สำนักงานและองค์การต่างๆสร้างเครือข่ายสังคมภายในกลุ่ม เน้นขยายการประชาสัมพันธ์เพื่อยกระดับความรู้ทางกฎหมาย ความรับผิดชอบของพลเมืองทุกคนในการเข้าร่วมเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ตลอดจนให้การศึกษาและแนะนำให้เยาวชนมีความเข้าใจ หลีกเลี่ยงความคิดและการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนตัว การคัดกรองและเข้าถึงข้อมูลต่างๆให้แก่นักเรียนและนักศึกษา
แม้เวียดนามจะเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมและกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนั้น การสร้างบรรยากาศการสื่อสารที่โปร่งใสและปลอดภัย โดยสื่อสังคมออนไลน์เป็นหนึ่งในกลไกสื่อสารที่สำคัญจะมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อการรักษาบรรยากาศการเมืองและสังคมให้มีเสถียรภาพและเป็นพื้นฐานให้แก่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน.