โลกและความท้าทายในการธำรงสันติภาพ

Quang Dung
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ในวันที่ 1 กันยายนปีนี้ โลกรำลึกครบรอบ 85 ปีการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นสงครามอันโหดร้ายที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่สันติภาพของโลกเผชิญกับความท้าทายที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็นยุติลง
โลกและความท้าทายในการธำรงสันติภาพ - ảnh 1การประชุมความมั่นคงมิวนิกหรือ MSC เมื่อเดือนมีนาคม (securityconference) 

 

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมความมั่นคงมิวนิกหรือ MSC เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นาย อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้แสดงความเห็นว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่แตกแยกที่สุดในรอบ 75 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อสันติภาพโลก

ความเสี่ยงที่การปะทะจะเพิ่มมากขึ้น

ภายหลังกว่า 5 เดือนที่นาย อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ฌโลก ภาพรวมเกี่ยวกับสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศก็ยังไม่ดีขึ้น การปะทะที่ใหญ่ที่สุด 2 เหตุการณ์คือในยูเครนและฉนวนกาซายังคงเกิดขึ้นต่อไปและมีระดับที่อันตรายมากขึ้นจนสุ่มเสี่ยงที่มาตรการด้านการทูตจะใช้ไม่ได้ผล โดยเฉพาะการปะทะระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซากำลังบานปลายไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง การโจมตีตอบโต้กันระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านและกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมากำลังค่อยๆ ข้าม “เส้นสีแดง” ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันมานานหลายปี ส่วนที่แอฟริกา สงครามกลางเมืองในซูดานที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้วได้ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นจุดร้อนระอุด้านมนุษยธรรมที่ร้ายแรงที่สุดในโลก โดยชาวซูดานประมาณร้อยละ 54 จากจำนวนทั้งหมดกว่า 50 ล้านคนกำลังตกอยู่ในภาวะอดอยาก และมีกว่า 10 ล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือนเพื่ออพยพ ในขณะที่พื้นที่แอฟริกาตะวันตกและภูมิภาค Sahel ก็มีความเสี่ยงในการปะทะจากการเคลื่อนไหวของสมาชิกกลุ่มไอเอส ส่วนที่เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีก็มีความผันผวนอย่างซับซ้อน

ในสภาวการณ์ที่บรรยากาศด้านความมั่นคงระหว่างประเทศมีความเร็วร้ายมากขึ้น เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้จัดการประชุมระดับสูงเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดทำระเบียบวาระการประชุมใหม่เกี่ยวกับการป้องกันการปะทะในระดับประเทศและระดับภูมิภาค นาง Elizabeth Spehar ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ สังกัดกรมดูแลปัญหาการเมืองและสันติภาพได้แสดงความเห็นว่า

“สันติภาพคือเป้าหมายขั้นพื้นฐานของสหประชาชาติ การสร้างสรรค์และรักษาสันติภาพถือเป็นเนื้อหาหลักในการดำเนินงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและสหประชาชาติ แต่เหตุการณ์การปะทะทั่วโลกกำลังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ จนก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทำลายระบบเศรษฐกิจและอนาคตของหลายภูมิภาค”

ถึงแม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์และความสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการค้ำประกันสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศในหลายปีที่ผ่านมา  แต่องค์กรนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในการจัดทำและบังคับใช้กลไกเพื่อค้ำประกันสันติภาพ โดยที่ตะวันออกกลาง จากความเสี่ยงของการปะทะระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ตัดสินใจขยายเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในเลบานอนหรือ UNIFIL เพิ่มอีก 1 ปีและนี่คือการตัดสินใจส่วนน้อยที่ได้รับความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์จากทุกประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมถึงประเทศที่กำลังมีความขัดแย้งในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกถาวรที่มีสิทธิวีโต ตามความเห็นของนาย Dmitry Polyanskiy รองผู้แทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ UNIFIL มีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้ฝ่ายต่างๆ ในอิสราเอลและเลบานอนละเมิดเส้นแบ่งระหว่างเลบานอนกับอิสราเอลและที่ราบสูงโกลานตามมติของสหประชาชาติเมื่อปี 2000

โลกและความท้าทายในการธำรงสันติภาพ - ảnh 2นาย อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ (THX)

ความท้าทายด้านทรัพยากรมนุษย์

ความพยายามของสหประชาชาติในการธำรงรักษาบรรยากาศที่สันติภาพในโลกเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยการกลับมาของการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจเหมือนในช่วงสงครามเย็นกำลังสร้างความซับซ้อนให้แก่ระเบียบโลกเก่าและทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานของกลไกเก่าๆลดน้อยลง ตลอดจนสำนักงานต่างๆของสหประชาชาติก็ประสบปัญหาทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน สหประชาชาติได้ธำรงภารกิจรักษาสันติภาพ 11 ภารกิจทั่วโลก โดยมีทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ด้านพลเรือนรวม 70,000 นายและงบประมาณ 5.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับปี 2023-2024 แต่จำนวนเงินนี้น้อยกว่างบประมาณของปีก่อนถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการถือว่า ไม่เพียงพอต่อความต้องการในการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพเนื่องจากนับเพียงเฉพาะ3 ภารกิจรักษาสันติภาพในแอฟริกา คือที่ซูดานใต้ สาธารณรัฐอัฟริกากลางและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกก็ต้องการงบ กว่าร้อยละ 50 ของแหล่งเงินทุนนี้แล้ว จึงส่งผลให้สหประชาชาติต้องลดภารกิจทางการเมืองพิเศษหลายรายการ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นาง สีมา บาฮูส ผู้อำนวยการองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติหรือ UN Women (ยูเอ็นวีเม็น) ได้เตือนว่า การตัดสินใจนี้กำลังทำลายดอกผลแห่งสันติภาพที่โลกได้บรรลุในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา

“เราขอแนะนำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ความสนใจมากขึ้นต่อปัญหาด้านการเงิน เพราะบทบาทของกองทุนสร้างสันติภาพ ตลอดจนความร่วมมือที่ดีขึ้นกับสถาบันการเงินต่างๆถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ทุกการตัดสินใจปรับลดภารกิจต่างๆจะต้องมีเตรียมพร้อมแผนการจัดสรรแหล่งพลังที่เหมาะสมเพื่อกิจกรรมรักษาสันติภาพและความมั่นคง และค้ำประกันผลงานที่ได้บรรลุ”

ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทางการเงินต่อสหประชาชาติจะไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วเนื่องจากวิกฤตนี้ได้ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายปี และเมื่อปีที่แล้ว งบประมาณการดำเนินงานของสหประชาชาติได้ขาดดุลสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นาย ไมเคิล โมลเลอร์ อดีตรองเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้แสดงความเห็นว่า ปัจจุบัน โลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาของความแตกแยก โดยหลายประเทศต่างแสวงหาแนวทางของตนเองในการแก้ไขปัญหาต่างๆ และบทบาทของสหประชาชาติ โดยเฉพาะในด้านการเมืองก็ถูกประเมินอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติหลายประเทศ รวมถึงประเทศมหาอำนาจจึงเริ่มประกาศตัดลดหรือชะลอการสนับสนุนด้านการเงินประจำปีให้แก่สหประชาชาติ ซึ่งส่งผลให้ภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติยิ่งวันยิ่งประสบความยากลำบากมากขึ้น.

Feedback