นาง จีน่า เรมอนโด เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนที่ 4 ของสหรัฐที่เดินทางไปเยือนจีนในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาหลังการเยือนของนาย จอห์น แคร์รี ทูตพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นาง Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนาย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ การเยือนนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่คำสั่งห้ามทำการลงทุนด้านเทคโนโลยีในจีนของสหรัฐมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนนี้และการจำกัดการส่งออกผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์หลายชนิดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้
เห็นพ้องเกี่ยวกับการติดตั้งช่องทางติดต่อ
ในการเจรจากับนาย หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นาง จีน่า เรมอนโด ได้ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพระหว่างสหรัฐกับจีนมีความหมายที่สำคัญเพราะมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐกับจีนมีส่วนร่วม 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่การค้าโลก พร้อมทั้งย้ำอีกครั้งว่า แม้จะมีความขัดแย้งและความท้าทายต่างๆแต่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพได้นำผลประโยชน์มาให้แก่ทั้งสองประเทศ ส่วนนาย หวังเวินท้าวได้ยืนยันว่า จีนพร้อมร่วมมือกับสหรัฐเพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศและจัดทำนโยบายที่สะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งเห็นว่า ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจทวิภาคีมีความสำคัญต่อทั้งสองประเทศและโลก
ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความเชื่อมั่นและเห็นพ้องเกี่ยวกับการจัดตั้งช่องทางติดต่อใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ รวมทั้ง การจัดฟอรั่มทวิภาคีเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการส่งออก มีส่วนช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนโยบายด้านความมั่นคงแห่งชาติของแต่ละฝ่าย จัดตั้งกลุ่มปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการค้า รัฐมนตรี จีน่า เรมอนโด ย้ำว่า สหรัฐกำลังผลักดันการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตและห่วงโซ่อุปทานและไม่ตั้งใจขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน
ก่อนการเยือนครั้งนี้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐไม่กี่สัปดาห์ ทำเนียบขาวได้ประกาศคำสั่งห้ามทำการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวในจีน มีแผนการจำกัดการส่งออกผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์หลายชนิดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ ส่วนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้ประกาศสั่งปรับบริษัท Mintz Group ของสหรัฐฯ มูลค่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยข้อหา "ทำงานด้านสถิติที่ไม่ผ่านการอนุมัติ" ก่อนหน้านั้น จีนได้บังคับให้บริษัท Mintz Group ปิดสำนักงานตัวแทนในกรุงปักกิ่งหลังจากที่บุกตรวจสอบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า สำนักงานรักษาความมั่นคงของจีนได้บุกตรวจสอบสำนักงานและ สอบปากคำพนักงานบริษัทของบริษัทที่ปรึกษาต่างๆของสหรัฐ เช่น Capvision, Bain ด้วยข้อกล่าวหาว่า ละเมิดความมั่นคงแห่งชาติ
เปิดทางให้แก่การปรับปรุงความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนอยู่ในระดับต่ำที่สุดในหลายทศวรรษที่ผ่านมาและมาตรการจำกัดด้านการค้าที่สหรัฐประกาศใช้ต่อจีนเป็นหนึ่งในปัญหาที่สร้างความตึงเครียดให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งการพัฒนาของจีนสร้างความท้าทายต่อการนำของสหรัฐในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด เช่น ปัญญาประดิษฐ์ 5จี วิทยาศาสตร์สารสนเทศเชิงควอนตัมและเซมิคอนดักเตอร์ นับตั้งแต่ขึ้นบริหารประเทศ ทางการของประธานาธิบดี โจ ไบเดนได้ยืนหยัดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานในด้านพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้าและ เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความหลากหลายเพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพาจีน สหรัฐได้จำกัดการส่งออกไมโครชิพไปยังจีน สหรัฐได้ระบุชื่อของบริษัทและองค์การกว่า 1,000 แห่งของจีนเข้าในบัญชีดำด้านการค้า
ส่วนจีนถือมาตรการนี้ของสหรัฐเป็นการปิดล้อมคว่ำบาตรในทุกด้าน เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการดังกล่าว จีนได้ห้ามบริษัทภายในประเทศซื้อไมโครชิพจากผู้ผลิต Micron Technologyของสหรรัฐ ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า แม้สองประเทศมหาอำนาจนี้มีความขัดแย้งด้านการค้า เทคโนโลยีและความมั่นคงในภูมิภาค แม้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นแต่ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงเจตนารมณ์เพื่อผลักดันการติดต่อ การเยือนจีนครั้งนี้ของนาง จีน่า เรมอนโด ได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 3 เดือน นาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีน จะเดินทางไปเยือนสหรัฐ ดังนั้น นี่เป็นสัญญาณว่า ทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ การทูตมีความจำเป็นและการเยือนของรัฐมนตรี จีน่า เรมอนโด จะเปิดทางให้แก่การพบปะทวิภาคีต่างๆระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในเวลาที่จะถึง.