(VOVworld)- ท่านNguyen Phu Trong เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกำลังอยู่ระหว่างการเยือนคิวบาและบราซิลอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสองประเทศลาตินอเมริกาที่เวียดนามได้มีความสัมพันธ์มิตรภาพมาช้านาน ดังนั้นการเยือนนี้ก็เพื่อยืนยันอีกครั้งถึงการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือกับประเทศเพื่อนมิตรในลาตินอเมริกาและขบวนการฝ่ายซ้ายลาตินอเมริกาในกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของเวียดนาม.
|
ท่านNguyen Phu Trong เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเดินทางถึงสนามบินนานาชาติที่คิวบา
|
เมื่อ52ปีก่อน คิวบาเป็นประเทศแรกในซิกโลกตะวันตกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามและนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็ยังคงได้รับการธำรงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คิวบาเป็นประเทศเดินหน้าในขบวนการประชาชนโลกที่ให้การสนับสนุนกระบวนการต่อสู้เพื่อเอกราช เสรีภาพและเอกภาพของประเทศในอดีตรวมทั้งภารกิจการพัฒนาประเทศในปัจจุบันของเวียดนาม ความสัมพันธ์ที่โปร่งใส ซื่อสัตย์และใกล้ชิดระหว่างเวียดนาม-คิวบาก็ได้ผ่านการทดสอบจากความผันผวนแห่งประวัติศาสตร์ต่างๆในภารกิจการปฏิวัติของแต่ละประเทศจนได้รับการพัฒนาเข้มแข็งในทุกด้าน เอกอัครราชทูตคิวบาประจำเวียดนาม Fredesman Turro Gonzalez ได้ยืนยันว่า
ช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ที่ดุเดือดเพื่อความปรารถนาอันแรงกล้าของประชาชนทั้งสองชาตินั้นก็เป็นการทำนุบำรุงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างสองพรรค สองรัฐและประชาชนสองประเทศเวียดนาม-คิวบา โดยคิวบาซาบซึ้งในส่วนร่วมและความช่วยเหลือของเวียดนามในตลอดเวลาแห่งการต่อสู้ที่ยากลำบากและขอยืนยันว่าเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อพิทักษ์และส่งเสริมความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างสองชาติให้ยั่งยืนตลอดไป.
สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศบราซิล ถึงแม้จะเพิ่งได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการเพียงกว่า2ทศวรรษ แต่สัมพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับบราซิลก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วผ่านการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง ซึ่งได้มีส่วนร่วมต่อการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้นขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่โดยเฉพาะในแถลงการณ์ร่วมเนื่องในโอกาสที่ท่านเลขาธิการใหญ่พรรค Nong Duc Manh เสร็จสิ้นการเยือนคิวบาเมื่อปี2007 ทั้งสองฝ่ายก็ได้ให้คำมั่นในการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน เสมอภาคและเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน โดยยอดมูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและบรรลุกว่า1.5พันล้านเหรียญสหรัฐในปี2011 ซึ่งเพิ่มขึ้น150%เมื่อเทียบกับปี2010 ที่น่าสนใจอีกก็คือเมื่อเร็วนี้ บราซิลได้นำเวียดนามออกจากรายชื่อประเทศที่ต้องถูกตรวจสอบการขายทุ่มตลาดรองเท้าและอนุมัติรายชื่อ74บริษัทของเวียดนามที่ได้มาตรฐานส่งออกสัตว์น้ำมายังบราซิลและปัจจุบันเวียดนามอยู่อันดับที่6ในจำนวนประเทศที่ส่งออกสัตว์น้ำไปยังประเทศนี้มากที่สุด นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังให้ความร่วมมือในด้านการผลิตและใช้เอทานอล เหล็กกล้า เครื่องจักรและการเกษตร นาย Nguyen Thac Dinh รองประธานสมาคมมิตรภาพและความร่วมมือเวียดนาม-บราซิล อดีตเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำบราซิลได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างดีงาม เช่นเวียดนามนำเข้าวัตถุดิบเกี่ยวกับไม้และเครื่องหนังในขณะที่บราซิลนำเข้าสัตว์น้ำ เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากเวียดนาม สองประเทศยังมีความคล้ายคลึงกันในหลายด้านโดยเฉพาะเป็นแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของโลกดังนั้นจะต้องพยายามร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อช่วยปกป้องผลประโยชน์ของประเทศผู้ส่งออกกาแฟในตลาดโลก นายNguyen Thac Dinh รองประธานสมาคมมิตรภาพและความร่วมมือเวียดนาม-บราซิล อดีตเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำบราซิลยังเผยว่า ในการเยือนนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมของเวียดนามเพราะบราซิลกำลังอยู่ในกระบวนการแสวงหารูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมใหม่เพื่อแทนรูปแบบการพัฒนาแบบเสรี และผลสำเร็จต่างๆในการพัฒนาประเทศของเวียดนามตามแนวทางดังกล่าวถือว่าน่าสนใจและควรศึกษาเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับเวียดนามต่อไป
การเยือน2ประเทศในแถบลาตินอเมริกาครั้งนี้ของท่านเลขาธิการใหญ่ Nguyen Phu Trong จะมีส่วนร่วมยกระดับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นนั้นให้เข้าสู่ส่วนลึกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยสำหรับคิวบาจะเน้นในความสัมพันธ์ด้านการเมือง มาตรการร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าที่สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่ของทั้งสองฝ่าย ส่วนในความสัมพันธ์กับบราซิล การเยือนนี้จะช่วยยืนยันและผลักดันปฏิบัติการในกรอบความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน กระชับความสัมพันธ์ทางการเมืองและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าให้เข้าสู่ส่วนลึก ผลักดันการลงนามข้อตกลงโครงต่างๆเพื่อสร้างกรอบทางนิตินัยให้แก่การพัฒนาการค้าการลงทุนจากศักยภาพของแต่ละฝ่าย นอกจากนั้นการเยือนคิวบาและบราซิลยังเป็นโอกาสให้เวียดนามยืนยันการสนับสนุนและความสามัคคีของเวียดนามกับกำลังฝ่ายซ้ายที่ก้าวหน้าในทั้งสองประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับเส้นทางการพัฒนาสู่สังคมนิยมและมีส่วนร่วมพัฒนาภารกิจการปฏิวัติในแต่ละประเทศให้ประสบความสำเร็จ./.