มหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิเมื่อวันที่ 30เมษายน ปี 1975 ได้สร้างหัวเลี้ยวหัวต่อที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประชาชาติเวียดนาม นำประเทศย่างเข้าสู่ยุคแห่งเอกราช เสรีภาพ สันติภาพและเอกภาพตามแนวทางสังคมนิยม |
ภายหลังมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิเมื่อวันที่ 30เมษายน ปี 1975 เวียดนามได้ก้าวเข้าสู่ระยะการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความยากลำบากต่างๆ รวมถึงจากสงครามปกป้องชายแดนทางตะวันตกภาคใต้ เขตชายแดนในภาคเหนือ การรักษาอธิปไตยเหนือทะเลและเกาะแก่งในทะเลตะวันออกและมาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจของต่างประเทศ โดยประชาชาติเวียดนามได้พยายามฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ โดยเฉพาะหลังจากปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่เมื่อปี 1986 ประเทศเวียดนามได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจการเกษตรที่ล้าหลัง มีจีดีพีเพียง 1 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและรายได้ต่อหัวประชากรอยู่ที่ 250 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน เวียดนามสามารถหลุดพ้นจากความยากจนและกำลังผลักดันการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย จนถึงปี 2019 เวียดนามได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 189 ประเทศจากทั้งหมด 193 ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ มีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนกับกว่า 224 ประเทศและดินแดนและจนถึงปี 2020 เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA 15 ฉบับ มีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับ 16 ประเทศ ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านกับ 11 ประเทศ เข้าร่วมข้อตกลงทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกว่า 500 ฉบับและมี 71 ประเทศที่รับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนาม ทั้งนี้ เวียดนามได้สร้างนิมิตรหมายในภารกิจการแก้ปัญหาความยากจน โดยดัชนีพัฒนามนุษย์หรือ HDI ของเวียดนามในปี 2019 อยู่ที่ 0.63 อยู่อันดับที่ 118 จาก 189 ประเทศและดินแดน ติดกลุ่มประเทศที่มีอัตราการขยายตัวดัชนี HDI สูงที่สุดในโลก
ส่วนในด้านเศรษฐกิจ ในรายชื่อบริษัท 200 แห่งที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประจำปี 2019 ที่จัดโดยฟอร์บส์เอเชียมีบริษัทเวียดนาม 7 แห่งรวมอยู่ด้วย และเวียดนามก็มีมหาเศรษฐี5คนอยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐีโลกประจำปี2019ของนิตยสารฟอร์บส์ สถานประกอบการเวียดนามหลายแห่งได้มุ่งสร้างก้าวกระโดดในการผลิตอุตสาหกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีผ่านโครงการที่เต็มไปด้วยศักยภาพเพื่อเจาะตลาดโลก เวียดนามอยู่อันดับ 8 ในกลุ่มเศรษฐกิจที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปี 2019 เลื่อนขึ้น 15 อันดับเมื่อเทียบกับปี 2018 ส่วนตามรายงานของฟอรั่มเศรษฐกิจโลก ดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามอยู่อันดับที่ 67 จาก 141 ประเทศและดินแดน เลื่อนขึ้น 10 อันดับเมื่อเทียบกับปี 2018 ส่วนในปี 2020 เวียดนามได้สร้างนิมิตรหมายใหม่ในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก โดยได้ปฏิบัติ 2 หน้าที่พร้อมกันคือสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 และประธานอาเซียน ซึ่งช่วยยกระดับสถานะและบทบาทของเวียดนามบนเวทีโลก โดยในฐานะประธานอาเซียนปี 2020 เวียดนามได้มีก้าวเดินที่สำคัญเพื่อส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้นำระดับภูมิภาค
ภายหลังมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิเมื่อวันที่ 30เมษายน ปี 1975 เวียดนามได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยืนหยัดเป้าหมายที่เลือกเฟ้นคือพัฒนาอย่างยั่งยืนและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง |
ในปี 2021 เวียดนามตั้งเป้าหมายว่า อัตราการขยายตัวจีดีพีจะอยู่ที่ร้อยละ 6 รายได้ต่อหัวประชากรอยู่ที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2021-2025 เวียดนามจะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้พัฒนาตามส่วนลึก ปรับปรุงรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาสังคมและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างพร้อมเพรียงบนพื้นฐานของการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิต ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ยกระดับคุณภาพแหล่งบุคลากร ส่งเสริมความได้เปรียบและเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก กำหนดวิสัยทัศน์และความคาดหวังในการพัฒนาประเทศเวียดนามในปี 2021 และในช่วงปี2021-2030 โดยอิงตามหลักการคือการพัฒนาประเทศเวียดนาม ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและใช้ประโยชน์จากผลสำเร็จด้านนวัตกรรมของโลก โดยเฉพาะการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เรียนรู้และคัดกรองเพื่อนำคุณค่าที่ก้าวกน้าของมนุษยชาติเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์ในทุกด้านเพื่อมนุษย์ ทำเพื่อมนุษย์โดยมนุษย์และถือมนุษย์เป็นศูนย์กลางมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับหลักการแห่งการพัฒนาของประชาชาติเวียดนามและคุณค่าที่ดีงามแห่งลัทธิสังคมนิยม
ทั้งนี้และทั้งนั้น ผลสำเร็จในทุกด้านที่เวียดนามได้บรรลุในตลอด 46ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การรวมประเทศเป็นเอกภาพนั้นได้สร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้เวียดนามทำการเปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนาอย่างเข้มแข็งในทุกด้านต่อไป ซึ่งมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิเมื่อวันที่ 30เมษายน ปี 1975 ที่ช่วยรวมประเทศเป็นเอกภาพและจิตใจแห่งมหาชัยชนะในช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นพลังเพื่อให้ประชาชนเวียดนามสร้างสรรค์ประเทศให้พัฒนาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนตลอดไป.