ฐานทัพอากาศใกล้เมืองดามัสกัส ประเทศซีเรีย ถูกอิสราเอลทิ้งระเบิด (CNN) |
การเจรจาครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซายังคงประสบความล้มเหลวเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุมาตรการประนีประนอมที่จำเป็น สถานการณ์ที่เป็นจริงนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ในตลอด 14 เดือนหลังจากที่การปะทะเกิดขึ้นในฉนวนกาซาและลุกลามไปยังหลายพื้นที่ในภูมิภาคนี้ ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดต่อสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลางยังไม่สามารถแก้ไขได้
มาตรการทางการเมืองให้แก่ฉนวนกาซา
ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ ในสภาวการณ์ที่การปะทะในฉนวนกาซายืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 14 เดือนได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 45,000 คน และโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายเกือบทั้งหมด เนื้อหาที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ในด้านการทหารและการเมืองกำลังเปลี่ยนแปลงและเข้าใกล้ถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ ในด้านการทหาร กองทัพอิสราเอลได้ทำลายอำนาจการปกครองส่วนใหญ่ของกลุ่มฮามาสและเกือบแบ่งแยกพื้นที่ภาคเหนือของฉนวนกาซา นอกจากนี้ การที่กลุ่มพันธมิตรสำคัญๆของกลุ่มฮามาสอ่อนแอลง เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กลุ่มกบฏในซีเรีย อิรักและอิหร่านได้ทำให้กลุ่มฮามาสมีทางเลือกด้านการทหารน้อยมากในการปะทะที่ยืดเยื้อกับอิสราเอล แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับฝ่ายอิสราเอล ชัยชนะทางทหารต้องแลกกับการทูตและการเมืองเมื่อผลกระทบที่ร้ายแรงและวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ยืดเยื้อในฉนวนกาซาได้ทำให้อิสราเอลถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น รวมทั้งการถูกโดดเดี่ยวบนเวทีระหว่างประเทศ ดังนั้น ตามความเห็นของนาย เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ นี่เป็นช่วงเวลาที่อิสราเอลต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อปัญหาด้านการเมือง หลีกเลี่ยงการทำให้ชาวปาเลสไตน์หลายล้านคนในฉนวนกาซาหันไปสนับสนุนลัทธิหัวรุนแรง
มาตรการทางการเมืองก็เป็นเนื้อหาหลักที่หลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ เน้นย้ำในการประชุมพิเศษเกี่ยวกับอิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม นาย คาเลด คีอารี ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติประจำตะวันออกกลาง เอเชียและแปซิฟิกได้เรียกร้องว่า
“เราจำเป็นต้องสร้างกรอบทางการเมืองและความมั่นคงที่สามารถแก้ไขภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมในปัจจุบัน ฟื้นฟูฉนวนกาซาโดยเร็วและสร้างพื้นฐานให้แก่กระบวนการทางการเมืองเพื่อยุติการยึดครอง จัดทำมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติที่ยั่งยืนให้เร็วที่สุด”
ภาพการทำลายล้างบริเวณโรงพยาบาลอัล ชิฟา ในฉนวนกาซาหลังการโจมตีของอิสราเอล วันที่ 1 เมษายน 2024 (AFP) |
แผนของอิสราเอลและสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาในซีเรีย
นอกจากความจำเป็นเร่งด่วนในการบรรลุคำสั่งหยุดยิงในฉนวนกาซาเพื่อเปิดทางให้แก่การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนนับล้านคนที่กำลังเผชิญความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บ การจัดทำมาตรการทางการเมืองระยะยาวอย่างรวดเร็วให้แก่ฉนวนกาซาก็ได้รับการถือว่ามีความสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้แก่จุดร้อนระอุต่างๆ ในภูมิภาค ปัจจุบัน การปะทะระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนยังคงมีโอกาสที่จะปะทุขึ้นใหม่ได้ทุกเมื่อ เพราะต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 60 วัน ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นาย Bader Al-Saif ผู้เชี่ยวชาญของโครงการตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของสถาบันวิจัย Chatham House ประเทศอังกฤษเผยว่า ปัจจุบัน สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในเลบานอนมีความเปราะบางอย่างยิ่ง เนื่องจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในภาคใต้ของเลบานอนและไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าอิสราเอลจะถอนทหารออกจากพื้นที่นี้โดยเร็ว ซึ่งหมายความว่า มีโอกาสที่จะเกิดการปะทะครั้งใหญ่ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญได้ทุกเมื่อ
ขณะเดียวกันความวุ่นวายทางการเมืองที่ไม่คาดคิดในซีเรียด้วยการล่มสลายของทางการของนาย บาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ก็ทำให้อิสราเอลมีปฏิบัติการที่แข็งกร้าวมากขึ้น รวมถึงการส่งทหารเข้ายึดครองพื้นที่ยุทธศาสตร์ในเขตที่ราบสูงโกลันที่ติดกับภาคใต้ในเลบานอนและภาคเหนือในอิสราเอล ตามความเห็นของนาย Bader Al-Saif การเคลื่อนไหวนี้อาจช่วยให้อิสราเอลมีความได้เปรียบทันทีในการสร้างความป็นระเบียบเรียบร้อยใหม่ในภูมิภาค แต่ในระยะยาว อาจทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเกิดความไร้เสถียรภาพมากขึ้น
“ในระยะยาว พวกเขาจะต้องแสวงหาแนวทางสันติภาพ ผมคิดว่า อิสราเอลมีความประสงค์ที่จะยึดมั่นปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อบังคับให้ประเทศอื่นๆ เช่นกลุ่มประเทศในเขตอ่าวเปอร์เซียปฏิบัติตาม แต่สิ่งนี้ไม่สำเร็จ เพราะประเทศเหล่านี้กำลังเจรจากับอิหร่านเพื่อแสวงหามาตรการรับมือกับแผนของอิสราเอล ดังนั้น อิสราเอลต้องตระหนักถึงสิ่งนี้ นั่นคือพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ตามลำพังในภูมิภาคนี้”
อนาคตของซีเรียจะเป็นอย่างไรหลังความวุ่นวายทางการเมืองก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องรอคำตอบ ผู้เชี่ยวชาญ Haid Haid จาก Chatham House แสดงความเห็นว่า ถ้าหากกองกำลังที่กำลังควบคุมอำนาจในซีเรียในปัจจุบัน ตลอดจนประเทศมหาอำนาจภายในและภายนอกภูมิภาคสร้างกระบวนการสันติภาพที่ชัดเจนให้แก่ซีเรีย รวมถึงการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นและการเลือกตั้งอย่างอิสระ จะส่งผลดีต่อภูมิภาคเหมือนเมื่อปี 2011 เมื่อประชาชนในบางประเทศได้รับแรงบันดาลใจในการต่อสู้เพื่อบรรลุความคืบหน้าทางสังคมในวงกว้างมากขึ้น.