การที่ผู้นำสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเลือกที่จะมาพบกัน ณ เวียดนามได้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างประเมินบทบาทการเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจของเวียดนาม และเป็นประเทศที่มีนโยบายการต่างประเทศที่เปิดกว้างและเท่าเทียม ตลอดจนสะท้อนความเชื่อมั่นของประชาคมโลกต่อความสามารถและบทบาทของเวียดนามในปัญหาความมั่นคงและสันติภาพของทั้งภูมิภาคและโลก
เวียดนามมุ่งมั่นปฏิบัติบทบาทการทูตเพื่อการไกล่เกลี่ยอย่างดีที่สุด
หนึ่งในประเด็นสำคัญเป็นอันดับต้นๆของการทูตเวียดนามในปี2019และในเวลาข้างหน้าคือการทูตเพื่อการไกล่เกลี่ย ซึ่งถูกระบุในคำสั่งของคณะเลขาธิการกลางพรรคเดือนสิงหาคมปี2018 ดังนั้นด้วยประสบการณ์ด้านการไกล่เกลี่ยและสันติภาพ ผ่านการจัดประชุมสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีครั้งนี้เวียดนามอยากส่งเสริมบทบาทของผู้ไกล่เกลี่ยให้เต็มที่เพื่อสนับสนุนให้การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นและประสบผลเป็นที่น่ายินดี นายเลหว่ายจูง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้กล่าวว่า
“เวียดนามอยากสะท้อนให้โลกเห็นว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้นของประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมมีส่วนร่วมต่อสันติภาพและส่งเสริมบทบาทของผู้ไกล่เกลี่ยในแนวทางการต่างประเทศพหุภาคี ซึ่งเป็นเวลาหลายปีที่เพื่อยุติการปะทะต่างๆเวียดนามต้องเดินทางไปยังสถานที่หลายแห่งเช่นเมืองเจนีวา กรุงปารีส เพื่อฟื้นฟูสันติภาพบนคาบสมุทรอินโดจีน แต่ครั้งนี้การประชุมสันติภาพได้จัดขึ้นที่เวียดนามซึ่งก็ตรงกับการครบรอบ20ปีที่ฮานอยได้รับการประกาศเป็นนครแห่งสันติภาพจากยูเนสโก้”
ผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศหลายคนเห็นว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีประสบการณ์ในการใช้ฝ่ายที่สามที่เป็นกลางในการเจรจาเพื่อยุติสงครามพร้อมทั้งยังได้รับการประเมินค่าสูงในทัศนะในเชิงภาวะวิสัยในปัญหาระหว่างประเทศ สำหรับเวียดนามเองก็เป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจของทุกฝ่าย รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ชาติที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี นายหวางชิ่นซิง หัวหน้าสำนักงานวิจัยยุทธศาสตร์เพื่อนบ้านและโลกแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมจีนแสดงความเห็นว่า
“โลกกำลังหันความสนใจมาที่เวียดนามซึ่งถือเป็นโอกาสให้เวียดนามประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของตน ทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีต่างเลือกพบกันที่เวียดนามก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกเพราะเวียดนามมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองประเทศ ซึ่งเวียดนามกับสหรัฐเคยมีสงครามกันแต่หลังจากนั้นก็ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและปัจจุบันคือหุ้นส่วนของกันและนี่คือความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนสำหรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี1950เมื่อมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ดังนั้นผมคิดว่าทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชนเกาหลีต่างก็ให้ความสำคัญต่อบทบาทของเวียดนามและทั่วโลกให้ความสนใจส่วนร่วมของเวียดนามต่อการพบปะสุดยอดครั้งสำคัญนี้”
ยืนยันภาพลักษณ์ประชาชาติที่ใฝ่สันติภาพ
ในช่วงประวัติศาสตร์ต่างๆ เวียดนามซึ่งเป็นชาติที่ใฝ่สันติภาพต้องแบกรับภาวะสงครามรุกรานและต้องร่วมการเจรจาสันติภาพหลายรอบกว่าจะได้อยู่ในสันติภาพที่แท้จริงและมั่นคงถาวร ดังนั้นยิ่งกว่าใครๆเวียดนามจึงเข้าใจคุณค่าของสันติภาพเป็นอย่างยิ่งและหวังที่จะได้มีส่วนร่วมต่อการสร้างสันติภาพในภูมิภาคและโลก ด้วยสถานะของประเทศระดับกลาง เวียดนามภูมิใจที่ได้รับเลือกเป็นจุดนัดพบแห่งสันติภาพสำหรับการประชุมสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีครั้งที่2 ซึ่งจากแนวทางสนับสนุนการสนทนาเวียดนามปรารถนาที่จะสะท้อนภาพลักษณ์ของประชาชาติเวียดนามที่ใฝ่สันติภาพ บวกกับบรรยากาศความมั่นคงที่พร้อมให้แก่การประชุม ประเทศที่มีฐานะเป็นกลาง เป็นมิตร ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ได้สร้างเป็นภาพลักษณ์เวียดนามที่กำลังมุ่งผลักดันมาตรการสันติภาพให้แก่ปัญหาการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี.