(VOVworld)-การเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของท่านเหงวียนฟู้จ๋องเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเป็นกิจกรรมด้านการต่างประเทศที่สำคัญในปี2013ของเวียดนาม ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายเพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่บนพื้นฐานของสัมพันธไมตรีที่ดีงาม ความไว้วางใจและความเข้ากันระหว่างเวียดนาม-ไทย
|
ท่านเหงวียนซิงหุ่งประธานรัฐสภาเวียดนามเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคมปี2012
|
ไทยและเวียดนามเป็นเพื่อนบ้านในอาเซียนและมีความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม ซึ่งในฐานะเป็นสมาชิกอาเซียนทั้งสองประเทศได้มีความพยายามร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สันติภาพ เสถียรภาพและเจริญไพบูรณ์ และนี่คือพื้นฐานที่สำคัญเพื่อกระชับและผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกด้านให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใสของทั้งสองประชาชาติและภูมิภาค
นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี1976มาจนถึงปัจจุบัน เวลาได้ผ่านไปแล้ว37ปีความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการพัฒนาเสริมสร้างในทุกด้าน โดยความสัมพันธ์ทางการเมืองได้รับการกระชับในทุกระดับซึ่งที่โดดเด่นคือการเยือนเวียดนามสองครั้งของนายกฯไทยยิ่งลักษณ์ชินวัตรเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี2011และเดือนตุลาคมปี2012และการเยือนไทยเมื่อเดือนธันวาคมปี2012ของท่านเหงวียนซิงหุ่งประธานรัฐสภาเวียดนาม ส่วนในปี2011ทั้งสองประเทศต่างร่วมกันจัดกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมต่างๆเพื่อรำลึกครบรอบ35ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและถึงเดือนตุลาคมปี2012เวียดนาม-ไทยได้ฟื้นฟูการประชุมครม.ร่วมครั้งที่สอง ณ กรุงฮานอย ซึ่งจากภาพรวมความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้นสามารถยืนยันได้ว่าด้านที่ประสบความสำเร็จที่สุดในความสัมพันธ์ทวิภาคีคือการค้าและการลงทุนที่นับวันพัฒนาขยายกว้างในทุกด้านโดยเฉพาะในการผลิตและส่งออกข้าว การเงิน การขนส่งและปิโตรเลี่ยม ปัจจุบันไทยเป็นนักลงทุนใหญ่อันดับ10ในเวียดนามผ่านโครงการลงทุนกว่า300โครงการรวมมูลค่ากว่า6พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกันเวียดนามก็เป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่อันดับ9ของไทย โดยปี2012มูลค่าการค้าทวิภาคีบรรลุ9พันล้านเหรียญสหรัฐและในการประชุมครม.ร่วมครั้งแรก ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่าจะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีขึ้นอีกร้อยละ20ทุกปีเพื่อบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น1หมื่น5พันล้านเหรียญสหรัฐในปี2020 นอกจากนั้นจะธำรงระเบียบความร่วมมือในการส่งออกข้าว ผลักดันความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของแนวเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตก ส่วนฝ่ายไทยได้ให้ความสำคัญและแสดงความปรารถนาที่จะผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือกับเวียดนามในกรอบของภูมิภาคและระหว่างประเทศเช่น อาเซียน ความร่วมมือเศรษฐกิจอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงขยายวง-GMS การประชุมระดับสูงยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างแม่น้ำสามสายได้แก่ แม่น้ำอิรวดี แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำโขง-ACMECS ฟอรั่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก-APEC เป็นต้น
สำหรับความร่วมมือทวิภาคีในด้านอื่นๆเช่นความมั่นคง การป้องกันประเทศ การศึกษา วัฒนธรรม กีฬาและท่องเที่ยวก็กำลังมีพัฒนาการใหม่ที่เข้มแข็ง โดยไทยได้ให้การสนับสนุนการเพิ่มทักษะการฝึกอบรมภาษาไทยในมหาวิทยาลัยหลายแห่งของเวียดนาม เปิดการฝึกอบรมระยะสั้นให้แก่เจ้าหน้าที่เวียดนามเกี่ยวกับเนื้อหาที่สำคัญของโครงการความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ไทยให้การสนับสนุนโครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยภาษาและเวียดนามศึกษาในประเทศไทยและเสนอให้มีการเปิดศูนย์วิจัยไทยในมหาวิทยาลัยต่างๆของเวียดนาม ไทยยังได้อำนวยความสะดวกในการก่อสร้างเขตอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ที่จ.อุดรธานีและนครพนม ซึ่งเป็นท้องถิ่นสองแห่งที่ประธานโฮจิมินห์เคยพำนักและเคลื่อนไหวปฏิวัติในกระบวนการแสวงหาหนทางกู้ชาติในต่างประเทศ
ในบรรยากาศแห่งความสัมพันธ์ที่ดีงามนั้น การเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามถือเป็นการดำเนินกิจกรรมด้านการต่างประเทศที่รอบด้านและผสมผสานในเชิงรุกของเวียดนาม เป็นการยืนยันนโยบายที่ให้ความสำคัญและให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคตลอดจนเป็นการย้ำถึงบทบาทที่เข้มแข็งของเวียดนามในการเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบสูงมีความคล่องตัวและพร้อมที่จะร่วมกับไทยและประเทศอาเซียนพยายามสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สามัคคี เชื่อมโยงกันและมีความเข้มแข็ง เพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สันติภาพ มิตรภาพ ร่วมมือและพัฒนา
คาดว่าในกรอบการเยือนท่านเลขาธิการใหญ่พรรคเหงวียนฟู้จ๋องจะมีการเจรจากับผู้นำไทยเพื่อหารือมาตรการผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีและแลกเปลี่ยนทัศนะในปัญหาระหว่างประเทศและภูมิภาค โอกาสนี้ทั้งสองประเทศจะออกแถลงการณ์ร่วมสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-ไทย นอกจากนี้ท่านเหงวียนฟู๊จ๋องยังจะมีการพบปะกับผู้นำพรรคการเมืองต่างๆของไทยเพื่อขยายและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม สร้างพื้นฐานทางการเมืองที่มั่นคงให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ./.