(VOVworld) – วันที่ 15 กันยายน ท่านเหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เริ่มการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วันเพื่อเปิดวิสัยทัศน์ใหม่และขยายความสัมพันธ์ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึกกับญี่ปุ่นเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย” ตามแนวทาง “ขยายความไว้วางใจ เชื่อมโยงเศรษฐกิจ ขยายความร่วมมือ การพัฒนาอย่างยั่งยืนและมุ่งสู่อนาคต” ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคีเวียดนาม – ญี่ปุ่นในปี 2015
ท่านเหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
เริ่มการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วัน
|
ความไว้วางใจและความเข้าใจกัน พัฒนาผลประโยชน์ร่วมกัน ยกระดับประสิทธิภาพในความร่วมมือ พยายามมุ่งสู่อนาคตคือจุดเด่นของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นในหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ทั้งสองฝ่ายได้สร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจกันและความสัมพันธ์อันดีงามนี้กำลังอยู่ในระยะการพัฒนาที่ดีที่สุด คือบรรลุกรอบ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่กว้างลึกเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย” ดังนั้น การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ของเลขาธิการใหญ่เวียดนามเหงียนฟู้จ่องจึงได้รับการคาดหวังว่า จะเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
มีความประสงค์ที่จะร่วมมืออย่างจริงจัง นี่คือพื้นฐานเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อย่างยั่งยืน
ความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นถือเป็นจุดเด่น เพราะถึงแม้จะมีความแตกต่างกันด้านระบบการเมืองและรูปแบบเศรษฐกิจแต่ทั้งสองประเทศยังคงมีความไว้วางใจ ความเคารพและให้ความสำคัญต่อกันอยู่เสมอ ซึ่งรากฐานมาจากความคล้ายคลึงกันด้านวัฒนธรรม ด้านชาติพันธุ์และอยู่ในทวีปเอเชียเหมือนกัน นั่นคือความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ คือเจตนารมณ์แห่งความร่วมมืออย่างจริงจังและไมตรจิตมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์เวียดนาม – ญี่ปุ่นได้รับการเสริมสร้างและขยายมากขึ้นผ่านการเยือนซึ่งกันและกันของผู้นำระดับสูงทั้งสองประเทศ นาย Mistuo Sakaba อดีตเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเวียดนามเผยว่า “ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้นำระดับสูงสุดของเวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องและเมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะก็มาเยือนประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ในการประชุมและฟอรั่มนานาชาติ ก็มีการจัดการพบปะระหว่างผู้นำเวียดนาม – ญี่ปุ่นเป็นประจำ ผมคิดว่า นี้คือสาส์นที่แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้มีความใกล้ชิดและมีความไว้วางใจกันในระดับสูง”
ความร่วมมืออย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ
หลังการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมาเป็นเวลา 40 ปี ปัจจุบันนี้ เวียดนามและญี่ปุ่นได้กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญต่อกัน โดยญี่ปุ่นได้ร่วมก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างโฉมใหม่ให้แก่เวียดนาม โดยเฉพาะในด้านเงินทุนและเทคนิค อย่างเช่น สะพานเหญิดเติน อาคารผู้โดยสารT2 ของสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่ายและถนนวงแหวนหมายเลข 3 ของกรุงฮานอย เป็นต้น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น
ในกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเป็นประเทศจัดสรรค์เงินช่วยเหลือโอดีเอให้แก่เวียดนามมากที่สุด จนถึงปีงบประมาณ 2015 นี้ เงินโอดีเอที่ญี่ปุ่นที่คำมั่นจะสงวนให้แก่เวียดนามได้เพิ่มขึ้นถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เมื่อปี 2014 เวียดนามและญี่ปุ่นได้ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึก” จากความไว้วางใจที่ได้รับการเสริมสร้างบนพื้นฐานของผลประโยชน์ยุทธศาสตร์ที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้นนับตั้งแต่ปี 2014มาจนถึงครึ่งปีนี้ ญี่ปุ่นได้เลื่อนจากอันดับที่ 4 ขึ้นเป็นอับดับที่ 2 ในจำนวนประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามมากที่สุด การที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะเลือกเวียดนามเป็นประเทศแรกในการเยือนต่างประเทศหลังจากที่ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2013 ได้แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับเวียดนาม
ญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับเวียดนาม |
|
ความสัมพันธ์เวียดนาม – ญี่ปุ่นเพื่อมุ่งสู่อนาคต
ดังนั้น การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ของเลขาธิการใหญ่เวียดนามเหงียนฟู้จ่องก็เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างสองประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นายเหงียนก๊วกเกื่อง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำญี่ปุ่นได้ยืนยันว่า นี่คือกิจกรรมการต่างประเทศที่สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ทวิภาคีเวียดนาม – ญี่ปุ่นในปี 2015 “ผู้นำญี่ปุ่น เช่น นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ประธานวุฒิสภายามาซากิและประธานสภาล่าง โอชีมาต่างชื่นชมสถานะและชื่อเสียงที่นับวันได้รับการยกระดับมากขึ้นของเวียดนามในภูมิภาคและโลก ซึ่งล้วนมีความประสงค์ว่า จะขยายความสัมพันธ์อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพกับเวียดนาม ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญต่อการเยือนนี้และจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อให้การเยือนประสบความสำเร็จ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก”
โอกาสนี้ ท่านเหงียนฟู้จ่องและท่านชินโซ อาเบะจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับด้านต่างๆ เช่น การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจและความร่วมมือเพื่อการพัฒนา รวมทั้งจะมีการประสานงานมาขึ้นในฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลก ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น – เวียดนามเพื่อมุ่งสู่อนาคต นาย ฟูกาดะ ฮีโรชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเวียดนามยืนยันว่า “ทั้งสองประเทศได้มีความร่วมมือและพัฒนาบทบาทของตนอย่างเข้มแข็งเพื่อสันติภาพ ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคเอเชียและโลก อาจกล่าวได้วา นี่คือสัญลักษณ์ของการปฏิบัติความสัมพันธ์ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึก” ระหว่างสองประเทศ ผมหวังว่า ในอนาคต ทั้งสองประเทศจะผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคียิ่งขึ้นอีกเพื่อเป็นพื้นฐานเผยแพร่คุณค่าร่วมกันไปทั่วภูมิภาคและโลก ซึ่งหมายความว่า ทั้งสองประเทศจะกลายเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่สุดระหว่างกัน”
ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อผู้นำสองประเทศมีความตั้งใจเป็นอย่างสูงในด้านการเมืองบนพื้นฐานไมตรีจิตมิตรภาพของประชาชน ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็จะมั่นคงที่สุด เวียดนามและญี่ปุ่นยังคงมีศักยภาพแห่งความร่วมมือและอาจสนับสนุนกันเพื่อการพัฒนาและใช้โอกาสใหม่ๆ.