จุดใหม่ในร่างเอกสารของการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 12

Theo Thu Hoa - VOV5 -
Chia sẻ
(VOVworld) – ร่างรายงานทางการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 11 ที่จะยื่นต่อที่ประชุมสมัชชาพรรคฯสมัยที่ 12 ได้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกชั้นชน ซึ่งรองศ.ดร. เหงียนจ่องฟุ๊ก อดีตหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์พรรคสังกัดสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้ทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับเนื้อหาใหม่ๆของร่างเอกสารดังกล่าว
(VOVworld) – ร่างรายงานทางการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 11 ที่จะยื่นต่อที่ประชุมสมัชชาพรรคฯสมัยที่ 12 ได้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกชั้นชน ซึ่งรองศ.ดร. เหงียนจ่องฟุ๊ก อดีตหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์พรรคสังกัดสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้ทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับเนื้อหาใหม่ๆของร่างเอกสารดังกล่าว
จุดใหม่ในร่างเอกสารของการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 12 - ảnh 1
รองศ.ดร.เหงียนจ่องฟู๊ก

รองศ.ดร.เหงียนจ่องฟู๊กได้เผยว่า สิ่งใหม่ในร่างเอกสารของการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 12 คือหัวข้อและเนื้อหาหลักของร่างเอกสารฯ อย่างเช่น การระบุคำว่า “ผลักดันการสร้างสรรค์พรรคที่บริสุทธ์และเข้มแข็ง” คือการย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในภารกิจการสร้างสรรค์พรรคเพราะว่าการสร้างสรรค์พรรคในกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศถือว่าเป็นกุญแจสำคัญและถือการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหน้าที่หลัก ดังนั้นการสร้างสรรค์พรรคเป็นอย่างดีก็จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ
ย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างพร้อมเพรียงและรอบด้าน
ร่างเอกสารทางการเมืองครั้งนี้ได้ย้ำถึงการผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างพร้อมเพรียงและรอบด้าน เพราะถ้าหากไม่ทำเช่นนั้นก็จะไม่สามารถพัฒนาได้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใหม่ได้มีขึ้นตั้งแต่ระดับยุทธศาสตร์ไปจนถึงระดับพื้นฐานเพื่อสร้างพลังความแข็งแกร่งโดยรวม  รองศ.ดร.เหงียนจ่องฟุ๊กได้เผยว่า ก่อนการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 11 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ระบุว่า ภายในปี 2020 จะพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานตามแนวทางที่ทันสมัยแต่ในความเป็นจริง ต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมายดังกล่าว ดังนั้น ในร่างเอกสารการเมืองฉบับนี้ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ภายในปี 2020 จะสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหรรมในขั้นพื้นฐานตามแนวทางที่ทันสมัยและพยายามบรรลุเป้าหมายนี้ โดยเร็วหลังปี 2020 ซึ่งรองศ.ดร.เหงียนจ่องฟุ๊กได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อเนื้อหาการพัฒนาเศรษฐกิจโดยเผยว่า “ผมคิดว่า ปัญหาที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือเศรษฐกิจ ในการสรุปผลการดำเนินภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เราได้คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจเวียดนามจะยังคงล้าหลังประเทศอื่นๆ ดังนั้นต้องพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วโดยถือเศรษฐกิจเป็นพื้นฐาน แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจที่เป็นพื้นฐานนั้นยังมีข้อจำกัดคือ เศรษฐกิจขนาดย่อมยังคงมีคุณภาพและประสิทธิภาพต่ำ โดยส่วนใหญ่อาศัยทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นการเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจยังคงถูกจำกัดและผลผลิตของแรงงานยังอยู่ในระดับต่ำ ในครั้งนี้ ผมให้ความสนใจถึงการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด รวดเร็วและยั่งยืน แต่เพื่อปฏิบัติให้ได้ ต้องสานต่อ 3 ก้าวกระโดดที่ถูกระบุในการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 11 ซึ่งการปฏิบัติจนถึงขณะนี้ยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก นั่นคือ การปรับปรุงกลไกเศรษฐกิจเชิงตลาดให้มีความสมบูรณ์ตามแนวทางสังคมนิยม การฝึกอบรมแหล่งบุคลากรและการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย”
จุดใหม่ในร่างเอกสารของการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 12 - ảnh 2
ความสามัคคีภายในพรรคคือปัจจัยหลัก (Photo Internet)
ความสามัคคีภายในพรรคคือปัจจัยหลัก
ความสามัคคีภายในพรรคและผลักดันการสร้างสรรค์พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามให้มีความบริสุทธิ์และเข้มแข็งก็เป็นเนื้อหาสำคัญที่ระบุในตอนต้นของร่างเอกสารการเมือง สำหรับเรื่องนี้ รองศ.ดร.เหงียนจ่องฟุ๊กระบุอย่างชัดเจนว่า “ผมคิดว่า ความสามัคคีภายในพรรคคือพื้นฐานของความสามัคคีในสังคมและความสามัคคีระหว่างประเทศ ประธานโฮจิมินห์ได้พูดถึงความสามัคคีภายในพรรค โดยเฉพาะในพินัยกรรมของท่าน ท่านได้ย้ำว่า การปฏิบัตประชาธิปไตยภายในพรรคเพื่อรักษาความสามัคคี การปฏิบัติประชาธิปไตยจะช่วยสร้างความสามัคคีในสังคมได้ดี ดังนั้น ในร่างเอกสารฯครั้งนี้ได้มีการระบุเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตยสังคมนิยมพร้อมกับสิทธิการเป็นเจ้าของของประชาชนในวรรคที่ 11 เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของทั้งระบบการเมืองและให้ความสนใจถึงความสามัคคีระหว่างประเทศ ผมคิดว่า เรื่องที่สำคัญคือต้องให้ความสนใจต่อการแก้ไขปัญหาความเสื่อมถอยด้านแนวความคิดทางการเมือง คุณธรรมและวิถีชีวิตของสมาชิกพรรค ซึ่งเรากำลังปฏิบัติตามมติที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคเกี่ยวกับการสร้างสรรค์พรรค”
รองศ.ดร. เหงียนจ่องฟุ๊กระบุว่า การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อสร้างสรรค์และปรับปรุงร่างเอกสารทางเมืองฯนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นและน่ายินดีในกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยในเวียดนาม ซึ่งประชาชนมีโอกาสทุ่มเทสติปัญญาต่อภารกิจของพรรคและรัฐ ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามก็รับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีความไว้วางใจต่อประชาชนอย่างจริงจัง วิจัย สรุปและรับฟังความคิดเห็นที่ถูกต้องของประชาชน ดังนั้นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจึงถือเป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องได้รับการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึง หารือและเห็นด้วยกับปัญหาที่สำคัญของประเทศ.

Feedback