(VOVworld) – วันที่๑๗เดือนนี้ ท่านสีจิ้นผิงประธานประเทศจีนได้เดินทางไปเยือนประเทศอินเดียอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งซึ่งเป็นโอกาสเพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจแต่ยังไม่สามารถลดช่องว่างในความขัดแย้งที่ยังคั่งค้างอยู่ระหว่างสองประเทศลงได้
|
ท่านสีจิ้นผิงประธานประเทศจีน(Photo: TTX`) |
จุดแรกที่ประธานประเทศจีนสีจิ้นผิงเดินทางไปเยือนในกรอบการเยือนอินเดียครั้งนี้คือ รัฐคุชราตซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านนาเรนดรา โมดีนายกรัฐมตรีอินเดียโดยที่นายกรัฐมนตรีนาเรนดรา โมดีได้รอให้การต้อนรับท่านสีจิ้นผิงก่อนที่จะมีการเจรจา ที่กรุงนิวเดลีในอีก๒วันถัดไป
เศรษฐกิจเป็นเนื้อหาสำคัญ
หนังสือพิมพ์“เดอะ ฮินดู” รายงานว่า ในการเยือนอินเดียของประธานประเทศจีนสีจิ้นผิง ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในข้อตกลงและบันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจประมาณ๒๐ฉบับ รวมทั้งข้อตกลงเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจัดตั้งนครแห่งอุตสาหกรรมและความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ตลอดจนปัญหาการขาดดุลการค้าและการลงทุนของจีนในด้านโครงสร้างพื้นฐานในอินเดีย
นายลิว ยูฟา กงสุลใหญ่จีนประจำนครมุมไบเผยว่า ในการเยือนอินเดียของประธานสีจิ้นผิงครั้งนี้ จีนให้คำมั่นว่า จะลงทุน๑แสนล้านเหรียญสหรัฐในอินเดียซึ่งมากกว่าเงินทุนที่ญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นในการเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรีโมดีเมื่อเร็วๆนี้ถึง๓เท่า เงินลงทุนของจีนจะถูกใช้ในการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม พัฒนารถไฟให้ทันสมัย พัฒนาทางไฮเวย์ ท่าเรือ ระบบส่งไฟฟ้า การแปรรูปอาหารและอุตสาหกรรมสิ่งทอ จีนยังเร่งพิจารณาโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงซึ่งเป็นแผนการที่อินเดียตั้งความหวังไว้ค่อนข้างมาก
เพื่อปฏิบัติการลงนามตามเนื้อหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งนี้ คณะที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่บริหารสถานประกอบการต่างๆกว่า๑๐๐คน รวมทั้งบริษัทใหญ่ๆ เช่น ไชน่าHarbour ไชน่าเรลเว คอนสตรัคชั่น กรุ๊ปและธนาคารใหญ่ๆ
ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนการเยือนของประธานสีจิ้นผิง นายกรัฐมนตรีอินเดียนาเรนดรา โมดีได้กล่าวว่า การเยือนนี้มีความหมายสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ประชากรของทั้งสองประเทศรวมกันคิดเป็นร้อยละ๓๕ของประชากรโลก ถ้าทั้งสองประเทศร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจก็จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศอีกทั้งยังมีความหมายสำคัญต่อประเทศใกล้เคียง
ในทางเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกนี้ยังไม่พัฒนามากนักในหลายปีที่ผ่านมาซึ่งตามข้อมูลสถิติ เมื่อปี๒๐๑๓ เงินลงทุนของจีนในต่างประเทศอยู่ที่๙หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่เงินลงทุนของจีนในอินเดียมีเพียง๔๐๐ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น แม้ว่าอินเดียเป็นตลาดใหญ่ก็ตาม ดังนั้น การที่จีนผลักดันการลงทุนในอินเดียครั้งนี้จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ดีขึ้น
นอกจากวัตถุประสงค์ด้านเศรษฐกิจ บรรดาผู้สังเกตุการณ์เห็นว่า การเยือนของประธานสีจิ้นผิงครั้งนี้ก็เพื่อทำความรู้จักคณะผู้นำชุดใหม่ของอินเดีย พร้อมทั้งจำกัดการที่ทางการนิวเดลีร่วมกับสหรัฐและญี่ปุ่นเพื่อถ่วงดุลย์อำนาจของจีน
การพิพาททางชายแดนเป็นกำแพงกั้นความสัมพันธ์ทวิภาคี
แม้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศนี้จะคืบหน้าไปมากแต่เมื่อมองภาพรวมแล้ว ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนกับอินเดียก็ไม่ค่อยราบรื่นนักเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งต่างๆ
ก่อนการเยือนอินเดียของประธานสีจิ้นผิง๑วัน รัฐบาลอินเดียได้แถลงว่า จะปกป้องแนวพรมแดนที่ติดกับจีนที่มีความยาว๓พัน๕ร้อยกิโลเมตรเพราะใน๘เดือนที่ผ่านมา จีนได้รุกล้ำเขตชายแดนของอินเดียกว่า๓๐๐ครั้ง นายไซเอ็ด อาคบารุดดินโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดียกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอินเดียจะหยิบยกปัญหาสำคัญนี้มาหารือกับประธานสีจีนผิง
ในทางเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับจีนได้มีความระแวงสงสัยหลังการพิพาทดินแดนในเขตหิมาลัยซึ่งเป็นจุดที่เกิดสงครามชายแดนเมื่อปี๑๙๖๒ อินเดียกล่าวหาจีนว่า รุกล้ำเขตแดนของตนแต่จีนก็ปฏิเสธและเรียกร้องอธิปไตยเหนือดินแดนส่วนหนึ่งของอินเดียในบริเวณชายแดน
นอกจากการพิพาทดินแดนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในด้านอื่นๆก็ไม่มีความราบรื่นเพราะในหลายปีที่ผ่านมา ปักกิ่งขยายการก่อสร้างท่าเรือ และฐานทัพในเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน และศรีลังกาซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนกำลังหาทางปิดล้อมอินเดีย
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเยือนอินเดียครั้งนี้ของประธานสีจิ้นผิงจะสร้างโอกาสใหญ่ให้แก่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศแต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่พัฒนานั้นไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ในด้านอื่นดีตามไปด้วย./.
Vân-VOV5