นาย เชค จาเบอร์ มูบารัค อัล ฮะหมัด อัล ซอบะห์ นายก รัฐมนตรีคูเวต (AFP)

เมื่อวันที่ 10 มกราคมปี 1976 เวียดนามและคูเวตได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตโดยคูเวตเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆในตะวันออกกลางที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามหลังจากเวียดนามรวมประเทศเป็นเอกภาพและเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซียหรือจีซีซีที่เปิดสถานทูตประจำกรุงฮานอยและสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์เมื่อปี 2007
ความสัมพันธ์ร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ
เวียดนามและคูเวตมีความคล้ายคลึงกันในหลายด้าน โดยเฉพาะความปรารถนาเกี่ยวกับเอกราช เสรีภาพและสันติภาพ ประชาชนทั้งสองประเทศได้ผ่านพ้นการต่อสู้ที่ดุเดือดเพื่อบรรลุเป้าหมายอันสูงส่งของตน ซึ่งในช่วงเวลาที่ลำบาก ประชาชนเวียดนามก็ได้รับการช่วยเหลือที่ล้ำค่าและความสามัคคีที่เข้มแข็งของรัฐบาลและประชาชนคูเวตอยู่เสมอ ประชาชนเวียดนามยังคงจดจำการช่วยเหลือและน้ำใจนี้ ปัจจุบัน สัมพันธไมตรีที่ยาวนานระหว่างสองประเทศในหลายด้านยังคงพัฒนาอย่างเข้มแข็งโดยผู้นำทั้งสองประเทศได้เยือนสันถวไมตรีระหว่างกันในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีคูเวต  เชค จาเบอร์ มูบารัค อัล ฮะหมัด อัล ซอบะห์ เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2007 และการเยือนคูเวตอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมปี 2009 ของนายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงซึ่งสร้างนิมิตหมายใหม่ในประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
สำหรับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศได้มีก้าวเดินพัฒนาอย่างเข้มแข็งโดยกองทุนคูเวตพัฒนาเศรษฐกิจอาหรับหรือเคเอฟอีเอดีได้สนับสนุนเงินทุนให้แก่โครงการพัฒนาในเวียดนามหลายโครงการตั้งแต่ปี 1979 ซึ่งผ่านกองทุนนี้ จนถึงปัจจุบัน คูเวตมี 16 โครงการโอดีเอที่สนับสนุนเงินให้แก่โครงการพัฒนาด้านคมนาคม สาธารณสุข การศึกษาและชลประทานในเขตชนบทของเวียดนามซึ่งมีส่วนร่วมพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นและผลักดันการผลิต ในหลายปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดคูเวตได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อปี 2015 เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2014 เวียดนามยังเป็นหนึ่งในกลุ่ม 10 ประเทศส่งออกรายใหญ่ของคูเวต นอกจากนี้ เมื่อปี 2008 กลุ่มบริษัทปิโตรเลี่ยมแห่งชาติเวียดนามกับกลุ่มบริษัทปิโตรเลี่ยมระหว่างประเทศคูเวตและ 2 หุ้นส่วนญี่ปุ่นได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันงีเซิน มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการโรงกลั่นน้ำมันงีเซินเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนตุลาคมปี 2013 และคาดว่าจะเปิดใช้งานในปลายปี 2017 ส่วนเมื่อเดือนมีนาคมปี 2016 สำนักงานวางแผนและการลงทุนกรุงฮานอยได้ออกใบอนุญาตลงทุนให้แก่โครงการร่วมทุนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมในตลาดเวียดนามระหว่างกลุ่มบริษัทปิโตรเลี่ยมระหว่างประเทศคูเวตกับบริษัท Idemitsu Kosan ของญี่ปุ่น ในด้านการค้า สินค้าที่เวียดนามส่งออกไปยังคูเวตอาทิเช่นสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า สัตว์น้ำ เครื่องเฟอร์นิเจอร์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผักผลไม้ พริกไทย กาแฟและชา ส่วนสินค้าหลักที่เวียดนามนำเข้าจากคูเวตคือน้ำมัน พลาสติก เคมีภัณฑ์ ปุ๋ยและหนังสัตว์ ควบคู่กับความสำเร็จของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในด้านอื่นๆก็พัฒนาเช่นกันโดยตั้งแต่ปี 1996 เวียดนามเริ่มส่งแรงงานไปทำงานในคูเวต ปัจจุบัน มีแรงงานเวียดนามประมาณ 600 คนกำลังทำงานในด้านการก่อสร้างและปิโตรเลี่ยมในคูเวต สำหรับการศึกษาและฝึกอบรม ทุกปี คูเวตได้มอบทุนการศึกษาสาขาภาษาอาหรับและปิโตรเลี่ยมให้แก่เวียดนาม ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีนักศึกษาเวียดนาม 16 คนที่ได้รับทุนมาทำการศึกษาด้านภาษาอาหรัในคูเวต ในด้านการท่องเที่ยว นับวันยิ่งมีนักท่องเที่ยวคูเวตเดินทางมาเยือนเวียดนามในช่วงวันหยุดมากขึ้นและถือเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ เวียดนามเป็นประเทศลำดับที่ 37 ที่พลเมืองสามารถขอวีซา on arrival ณ สนามบินนานาชาติคูเวตได้ ทั้งสองฝ่ายยังลงนามข้อตกลงบางฉบับ เช่นกรอบข้อตกลงร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อตกลงการค้า ข้อตกลงการขนส่งทางอากาศ พิธีสารความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ พิธีสารเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการผสม ข้อตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหอการค้าและอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ ข้อตกลงหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนและข้อตกลงยกเว้นวีซ่าให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางการทูตและข้าราชการ เป็นต้น ที่น่าสนใจคือ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 รัฐบาลคูเวตได้ให้การรับรองเศรฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามอย่างเป็นทางการ
ขยายสัมพันธไมตรีที่ยาวนาน
ในตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา เวียดนามและคูเวตได้สนับสนุนกันในฟอรั่มทั้งในระดับภูมิภาคและโลกอยู่เสมอ การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีคูเวต เชค จาเบอร์ มูบารัค อัล ฮะหมัด อัล ซอบะห์ คือโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและระหว่างประเทศที่ต่างให้ความสนใจ การให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีคูเวตคือโอกาสเพื่อให้เวียดนามแสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อบทบาทและสถานะของคูเวตในสัมพันธไมตรีและความร่วมมือของเวียดนามในตะวันออกกลางและอ่าวเปอร์เซีย การเยือนนี้จะสร้างนิมิตหมายแห่งพัฒนาการใหม่ในความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพระหว่างสองประเทศ.