(VOVworld) –  วันที่๑๘เดือนนี้  ชาวสก็อตแลนด์กว่า๔ล้านคนได้ไปลงประชามติเพื่อตัดสินใจอนาคตของประเทศว่าจะแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรหรือไม่ซึ่งถ้าหากคะแนนเสียงสนับสนุนอยู่ที่กว่าร้อยละ๕๐ สก็อตแลนด์จะกลายเป็นประเทศที่มีเอกราชที่มีประชากร๕.๓ล้านคนแต่อนาคตหลังการแยกตัวจะเป็นเช่นไรก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล่าวถึงแต่แน่นอนว่า การตัดสินใจแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรของสก็อตแลนด์จะมีผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างแน่นอน

ชาวสก็อตแลนด์กว่า๔ล้านคนลงประชามติ(Photo:congly.com.vn )

สก็อตแลนด์อยู่ทางทิศเหนือของอังกฤษมีพื้นที่เกือบ๗หมื่น๙พันตารางกิโลเมตรคิดเป็น๑ส่วน๓ของพื้นที่ของอังฤษที่มีประชากร๕.๓ล้านคนโดยเป็นชาวสก็อตแลนด์ร้อยละ๘๐ รายได้หลักๆของสก็อตแลนด์มาจากน้ำมันและก๊าซในเขตทะเลเหนือและเป็นแหล่งน้ำมันสำรองของสหราชอาณาจักร ส่วนจีดีพีของสก็อตแลนด์คิดเป็นร้อยละ๑๐ของจีดีพีทั้งสหราชอาณาจักร

ความผูกพันในประวัติศาสตร์และสาเหตุของการแยกตัว

ตั้งแต่ศตวรรษที่๑๗ ทั้งสหราชอาณาจักรและสก็อตแลนด์ต่างมีเอกราชทางการเมือง มาจนถึงปี๑๗๐๗ ทั้งสองฝ่ายได้มีความผูกพันกันจากอนุสัญญาฉบับหนึ่งจนกลายเป็นสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เหนือ อย่างไรก็ดี มิใช่ชาวสก็อตแลนด์ทุกคนที่พอใจต่อการรวมตัวนี้โดยในหลายปีที่ผ่านมา สก็อตแลนด์มีความประสงค์ที่จะแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เหนือ โดยเฉพาะหลังวิกฤติการเงินในยุโรป ปี๑๙๙๙ สก็อตแลนด์ได้จัดตั้งรัฐสภาของตนแต่การตัดสินใจด้านเศรษฐกิจยังคงเป็นสิทธิ์ของสหราชอาณาจักร ปี๒๐๑๑ พรรคชาติสก็อตแลนด์หรือเอสเอ็นพีที่นิยมการเรียกร้องให้แยกประเทศเป็นเอกราชขึ้นมามีอำนาจในรัฐสภา แนวโน้มเรียกร้องให้แยกตัวจึงได้รับการฟื้นฟูอย่างเข้มแข็งจนนายดาวิต คาเมรอนนายกรัญมตรีอังกฤษและนายอาเล็กซ์ ซัลมอนด์นายกรัฐมนตรีสก็อตแลนด์ต้องกำหนดการลงประชามติเมื่อเดือนตุลาคมปี๒๐๑๒หลังจากที่มีความขัดแย้งด้านทัศนะมาช่วงเวลาหนึ่ง

ปัจจุบัน ผลจากการสำรวจความคิดเห็นปรากฎว่า อัตราผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนการแยกตัวสูสีกันทำให้การสำรวจความคิดเห็นไม่เพียงแต่มีความร้อนระอุในสหราชอาณาจักรเท่านั้นหากรวมถึงทั้งยุโรปด้วยโดยกลุ่มสนับสนุนเห็นว่า การแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรจะช่วยให้สก็อตแลนด์สามารถพึ่งพาตนเองด้านเศรษฐกิจและบริหารแหล่งรายได้จากน้ำมันโดยไม่ต้องแบ่งให้ทางการลอนดอน แต่กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการแยกตัวกลับเห็นว่า การแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสก็อตแลนด์

ผลกระทบในทางลบต่อความเป็นเอกภาพของยุโรป

ถ้าหากการลงประชามติครั้งนี้ เสียงสส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแยกประเทศก็จะมีการประกาศเอกราชในวันที่๒๔มีนาคมปี๒๐๑๖ และทั้งสองฝ่ายจะใช้เวลา๑ปีเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ เช่น หนี้สาธารณะ การใช้สกุลเงินร่วม การบริหารควบคุมชายแดน และรัฐบาลสก็อตแลนด์จะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญพร้อมทั้งทำการเจรจาเพื่อเข้าเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอดแลนติกเหนือหรือนาโต้และสหภาพยุโรปหรืออียู

บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า การตัดสินใจแยกตัวของสก็อตแลนด์อาจจะต้องแลกด้วยราคาแพง ทางด้านเศรษฐกิจ สก็อตแลนด์จะต้องเผชิญกับความไร้เสถียรภาพด้านดอกเบี้ย ภาษี การปกป้องนักลงทุน การเงินและนโยบายการเงิน และมีการพยากรณ์ว่า การขาดดุลย์การเงินของสก็อตแลนด์จะอยู่ที่ร้อยละ๖.๔ ของจีดีพี การแยกตัวยังทำให้สก็อตแลนด์ไม่สามารถใช้เงินปอนด์เตอลิงเป็นเงินสกุลหลักเพราะพรรคการเมืองต่างๆในสหราชอาณาจักรจะคัดค้าน และการที่ไม่มีพันธมิตรทางการเงินแต่สก็อตแลนด์ยังคงใช้เงินสกุลปอนด์เตอร์ลิงนั้นถือว่าผิดกฎหมายอียู นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนว่า การตัดสินใจแยกตัวของสก็อตแลนด์เป็นการแยกตัวที่เจ็บปวดเพราะจะไม่มีหนทางกลับและเป็นการยุติการคงอยู่ของสหราชอาณาจักรและไอแลนด์เหนือมากกว่า๓๐๐ปี

แต่สิ่งที่น่าวิตกกังวลกว่าก็คือ ถ้าการแยกตัวประสบความสำเร็จก็จะส่งผลกระทบในทางลบต่อความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองของอียูโดยตรง และการที่สก็อตแลนด์แยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรจะทำให้อิทธิพลของสหราชอาณาจักรในอียูลดลง โดยเฉพาะ ในสภาวการณ์ที่ภูมิภาคกำลังฟื้นตัวหลังวิกฤติเศรษฐกิจและสหราชอาณาจักร เยอรมนีและฝรั่งเศสกำลังมีบทบาทเป็นเสาหลักในด้านการค้าเพื่อนำอียูกลับไปสู่การขยายตัวอีกครั้ง

ความเสี่ยงที่จะต้องรับมือ

ปัจจุบัน ยังไม่มีผลการสำรวจล่าสุดแต่ตลาดหุ้นได้มีปฏิกิริยาเบื้องต้นโดยเงินปอนด์เตอลิงได้อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐและอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ๑๐เดือนที่ผ่านมา ส่วนราคาหุ้นของธนาคารใหญ่๒แห่งในสก็อตแลนด์ได้ลดลงในตลาดหุ้นยุโรป เครือธนาคารใหญ่เช่นรอยั่ลแบ๊งค์ ออฟ สก็อตแลนด์และลอยด์ขู่ว่าจะย้ายสำนักงานออกจากสก็อตแลนด์ถ้าหากแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร ในไม่กี่วันที่ผ่านมา ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านการแยกตัวได้จัดการเดินขบวนเพื่อแสดงทัศนะของตน

ปัจจุบัน โลกกำลังจับตาอย่างไม่กระพริบต่อผลการลงประชามติ สก็อตแลนด์จะเจริญรุ่งเรืองหรือไม่หลังจากแยกตัวเป็นเอกราชเป์นสิ่งที่ยังไม่มีคำตอบแต่แน่นนอนว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดโลกและขบวนการเรียกร้องให้แยกประเทศในสเปนและเบลเยี่ยม ชาวสก็อตแลนด์ต้องมีความรอบคอบต่อการตัดสินใจอนาคตของตนเพราะการแยกตัวอาจทำให้สก็อตแลนด์ต้องแลกด้วยราคาแพง./.