(VOVworld) – เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้เป็นประธานการประชุมประจำเดือนของรัฐบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินผลกระทบของเศรษฐกิจโลกต่อเศรษฐกิจเวียดนามในเวลาที่ผ่านมา แต่ก่อนถึงการประชุมครั้งนี้ เวียดนามก็ได้ประกาศใช้มาตรการต่างๆเพื่อลดผลกระทบในทางลบจากภายนอกให้เหลือน้อยที่สุด พยายามบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ได้วางไว้
การประชุมประจำเดือนครั้งหนึ่งของรัฐบาล
|
ผลกระทบในทางลบได้แก่ ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างหนัก ตลาดหลักทรัพย์โลกมีความผันผวนจนยากจะคาดการณ์ล่วงหน้า กระแสเงินทุนระหว่างประเทศและนโยบายการปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่องของหลายประเทศหลังจากที่จีนปรับลดค่าเงินหยวน อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่เพิ่งเกิดใหม่ รวมทั้งจีนได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบไม่น้อยต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเศรษฐกิจเวียดนาม
รับมืออย่างทันการณ์
เวียดนามได้รับมือสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเป็นฝ่ายรุกโดยสามารถเห็นได้จากนโยบายการปรับอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินด่งกับเงินตราต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี เมื่อตลาดการเงินระหว่างประเทศเกิดความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาน้ำมันลดลงต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ผลกระทบจากการเพิ่มดอกเบี้ยของ Fed วิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปและวิกฤตในกรีซได้ส่งผลให้เงินดอลลาห์สหรัฐแข็งค่ามากกว่าการคาดการณ์ของ Fed ดังนั้น ธนาคารชาติเวียดนามจึงเป็นฝ่ายรุกปรับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างธนาคารสองครั้ง คิดเป็นร้อยละ 2 ซึ่งช่วยให้ตลาดเงินตราต่างประเทศและอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีเสถียรภาพในระดับหนึ่งในตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา เราสามารถเห็นการเป็นฝ่ายรุกของธนาคารชาติเวียดนามอีกครั้งเพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ร้อนระอุในหลายวันที่ผ่านมา นางเหงียนถิห่ง รองผู้ว่าการธนาคารชาติเวียดนามเผยว่า “เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดค่าเงินหยวนร้อยละ 1.9 ซึ่งส่งผลให้เงินสกุลสำคัญของเอเชียลดค่าตามไปด้วย จากการพิจารณาว่า จีนและบรรดาประเทศในแถบเอเชียเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ของเวียดนามและเวียดนามเสียเปรียบดุลการค้าจีนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ธนาคารชาติเวียดนามได้ตัดสินใจปรับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเป็นฝ่ายรุกเพื่อมีความคล่องตัวมากขึ้น”
ประชามติเห็นว่า การใช้นโยบายและมาตรการรับมือในเบื้องต้นของเวียดนามต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในหลายวันที่ผ่านมาถือว่าสอดคล้องและทันการณ์ รองศ.ดรเฉิ่นหว่างเงิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยการเงิน – การตลาดนครโฮจิมินห์ชี้ชัดว่า “การปรับปรุงนโยบายอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราในเวียดนามได้รับผลกระทบจากภายนอกและภายใน ซึ่งจากภายนอกคือการผันผวนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การแข็งค่าของดอลลาห์สหรัฐในหลายเดือนที่ผ่านมาและการลดค่าเงินหยวน ซึ่งกดดันต่อการปรับอัตราแลกเปลี่ยนของเรา ส่วนผลกระทบจากภายในคืออัตราการส่งออกมีแนวโน้มชลอตัว ความเสียเปรียบดุลการค้าเพิ่มขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวของธนาคารชาติเวียดนามถือว่าทันการณ์ คล่องตัว สอดคล้องกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ”
ธนาคารชาติเวียดนาม (Photo VNexpress)
|
การเป็นฝ่ายรุกต่อสถานการณ์ที่ลำบากมากกว่า
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยากจะคาดเดาได้ทำให้เวียดนามต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดและมีนโยบายเพื่อรับมืออย่างเป็นฝ่ายรุก ทันการณ์เพื่อลดผลกระทบในทางลบให้เหลือน้อยที่สุดและใช้ประโยชน์จากความสะดวกต่างๆโดยนโยบายการปรับอัตราเงินตราต่างประเทศอย่างคล่องตัวซึ่งถูกระบุในแผนการรับมือทางเศรษฐกิจจนถึงปลายปี นางเหงียนถิห่ง รองผู้ว่าการธนาคารชาติเวียดนามยืนยันว่า “จากความตั้งใจที่จะปรับตลาดให้มีเสถียรภาพ ธนาคารชาติได้เตรียมพร้อมมาตรการแก้ไขต่างๆพร้อมกับเครื่องมือที่จำเป็น การเพิ่มอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างธนาคารขึ้นร้อยละ 1 พร้อมกับอัตราแกว่งร้อยละ 3 หลังการปรับรวม 2 ครั้งนั้นได้ช่วยให้เงินด่งเวียดนามมีความสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่สะดวกของตลาดโลกและตลาดภายในประเทศไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า สร้างเสถียรภาพอย่างยั่งยืนให้แก่ตลาดเงินตราต่างประเทศและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเวียดนาม”
นอกจากนี้ เวียดนามยังเตรียมแผนการอื่นๆเพื่อรับมือกับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างหนัก กระทรวงการคลังยืนยันว่า จากราคาน้ำมันในปัจจุบัน การจัดเก็บงบประมาณแผ่นดินยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้คือจะเก็บได้มากกว่าร้อยละ 8 สำหรับสถานการณ์ในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม คณะกรรมการหลักทรัพย์แห่งชาติและกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างยืนยันว่า ตลาดหลักทรัพย์จะฟื้นตัวในเวลาข้างหน้า
จากนโยบายและมาตรการต่างๆเมื่อเร็วๆนี้เพื่อรับมือกับผลกระทบในทางลบของเศรษฐกิจโลก ในภาพรวม เวียดนามยังคงสามารถควบคุมสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคได้ดี โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การควบคุมภาวะเงินเฟ้อ การจัดเก็บงบประมาณแผ่นดิน การนำเข้าและส่งออก การผลิตและประกอบธุรกิจยังคงบรรลุเป้าหมายที่วางไว้.