(VOVWorld) – ปัจจุบัน ประเทศอาเซียนกำลังเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวต่างชาติเนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวและทัศนียภาพที่สวยงาม รวมทั้ง วัฒนธรรมอาหารการกินที่หลากหลาย โดยเฉพาะ ยานพาหนะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สร้างความประทับใจให้แก่บรรดานักท่องเที่ยว ในรายการอาเซียนวันนี้ ทางผู้จัดทำรายการขอแนะนำยานพาหนะบางส่วนของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม กรุงเทพประเทศไทยและกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปีนส์

“ฉันอยากนั่งรถสามล้อสักครั้งหนึ่ง”  นี่เป็นความปรารถนาของนักท่องเที่ยวแทบทุกคนเมื่อเห็นขบวนรถสามล้อตามถนนสายเล็กๆในกรุงฮานอย รถสามล้อเป็นยานพาหนะขนาดเล็กที่ปั่นด้วยกำลังคนโดยมี๒ล้ออยู่ข้างหน้า อีกหนึ่งล้ออยู่ข้างหลัง ข้างหน้าเป็นที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร๑ ถึง๒คน ส่วนข้างหลังมีอานนั่งของสารถี  ที่นั่งผู้โดยสารมีหลังคาและเบาะนั่งที่หนาและนิ่มที่ถูกห่อหุ้มด้วยหนัง  นานมาแล้วรถสามล้อได้กลายเป็นยานพาหนะท่องเที่ยวที่ขาดไม่ได้ในกรุงฮานอยเนื่องจากมีความสะดวก สบายและ เป็นมิตร โดยเฉพาะ นักท่องเที่ยวต่างชาติชอบนั่งรถสามล้อเพราะ ตัวรถที่เปิดโล่ง รับอากาศบริสุทธิ์ เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ สามารถเห็นทิวทัศน์รอบข้างได้อย่างสะดวก  ได้สัมผัสกับ บรรยากาศรอบตัว และชีวิตบนท้องถนนได้อย่างอิ่มตาเพลินใจ ดังนั้นการนั่งรถสามล้อชมตลาด หมู่บ้านหัตถกรรม และอีกหลายๆที่ที่น่าสนใจตามถนนเก่าแก่๓๖สายในฮานอยจึงเป็นรูปแบบท่องเที่ยวที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรมของฮานอย นายNguyễn Văn Cường สารถีของบริษัทหุ้นส่วนการค้าและการบริการLan Anhกล่าวว่า“นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จองทัวร์นั่งรถสามล้อชมเมืองในเวลาที่เร่งด่วนเพื่อสามารถสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวฮานอยได้อย่างเต็มอิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความเงียบสงบ หรือต้องการศึกษาความเก่าแก่ของฮานอยอย่างครบถ้วนจะต้องจองทัวร์เวลาตี๔หรือ๒ทุ่ม สำหรับทัวร์เช้าตรู่ นักท่องเที่ยวจะได้แวะเยือนตลาดดอกไม้Quảng Bá และสัมผัสกับอากาศที่บริสุทธิ์ความงดงามของทะเลสาบHồ Tâyยามพระอาทิตย์ขึ้น  ส่วนสำหรับทัวร์ช่วงเย็น นักท่องเที่ยวจะได้ชมพิธีลดธงชาติที่จตุรัสบาดิ่ง เที่ยวย่านอาหารโต้รุ่งและชมฮานอยที่หลากหลายสีสันยามราตรี”อำลากรุงฮานอยเมืองแห่งวัฒนธรรมนับพันปี พวกเราไปเยือนกรุงเทพ ประเทศไทยที่มียานพาหนะที่ทันสมัยหลากหลายชนิด ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และแท็กซี่ แต่รถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งบนท้องถนนเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวอยากลองนั่งมากที่สุด

สำหรับที่มาของชื่อเรียก "ตุ๊กตุ๊ก"นั้นเดิมทีชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยไม่รู้จะเรียกรถสามล้อเครื่องว่า อะไร เลยอาศัยเรียกชื่อตามเสียงท่อไอเสียของรถและกลายเป็นชื่อ "รถตุ๊กตุ๊ก" ติดปากมาถึงทุกวันนี้ รสตุ๊กตุ๊กถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อประมาณ๕๐ปีก่อนโดยในตอนแรกไม่มีเครื่องยนต์และเป็นจักรยานที่ได้รับการดัดแปลงเพื่อให้มีผู้โดยสารนั่งซ้อนท้ายได้๒คน และเพิ่มล้อข้างหลังเพื่อสร้างความสมดุลย์ ติดตั้งเครื่องขยายเสียงที่ห้องคนขับ ที่นั่งเป็นเบาะหนัง ด้านหลังยังมีเสาอากาศ มีแถบผ้าแพรสีแดงผูกทำให้ดูสวยมาก ภาพรถตุ๊กตุ๊กยังถูกนำไปสกรีนบนเสื้อยืด ทำเป็นพวงกุญแจ ของเล่น ผลงานประติมากรรมตามสถานที่สาธารณะหรือป้ายสัญญาณจราจร รถตุ๊กตุ๊กได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ถ้าคุณลองนั่งรถตุกตุกชมกรุงเทพ คุณจะมีความรู้สึกเหมือนคุณEry นักท่องเที่ยวจากเดนมาร์ค“ดิฉันชอบนั่งรถตุ๊กตุ๊กเพราะมีความสะดวกและรวดเร็ว รถวิ่งจากจุดนี้ไปยังจุดโน้นช่วยให้ดิฉันสามารถชมความสวยงามของกรุงเทพ ”

ต่างกับรถสามล้อของเวียดนามและรถตุกตุกของไทย รถจี๊พนีย์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในกรุงมะนิลาถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ โดยตอนหน้าของรถเหมือนกับรถจี๊พทั่วไป แต่ส่วนโดยสารด้านหลังมีลักษณะยาวเหมือนรถสองแถวที่สามมรถบรรทุกผู้โดยสารได้ตั้งแต่๘ถึง๑๐คน  ที่นั่งผู้โดยสารยานพาหนะต่างๆดังกล่าวเหมือนกัน ส่วนตัวถังรถจะมีการตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของรถ นายLê Chí Hiển นักท่องเที่ยวคนหนึ่งกล่าวว่า การนั่งรถจี๊พนีย์ชมเมืองได้สร้างความประทับใจให้แก่เขาในการเยือนฟิลิปปีนส์“ผมชอบนั่งรถจี๊พนีย์เพื่อชมวิวทิวทัศน์บนถนนเพราะมีความสะดวก สบายมาก โดยเฉพาะ รถนี้ได้รับการตกแต่งด้วยรูปที่สวยๆ น่ารัก”  ในกรุงมะนิลา รถจี๊พนีย์จะพาคุณไปเที่ยวในทุกสถานที่ในราคาถูกและอาจจะไม่พูดเกินไปเมื่อกล่าวว่า ถ้ายังไม่นั่งรถจี๊พนีย์ ก็ยังไม่ถึงกรุงมะนิลา ซึ่งทั้งนี้แม้จะเลือกการท่องเที่ยวในรูปแบบใด ทัวร์ครอบครัวหรือทัวร์หมู่คณะ การเที่ยวซีตีทัวร์ด้วยยานพานะที่เรียบง่ายเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น อีกทั้งช่วยสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อสถานที่ที่คุณเคยมาเยือนด้วย./.