ประตูเข้าหมู่บ้าน |
เอกสารและวัตถุโบราณที่ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ได้บันทึกว่า การประกอบอาชีพทอผ้าไหมเริ่มขึ้นในหมู่บ้านหว่านฟุกตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 โดยท่าน อาหลาถิเนือง เป็นผู้สร้างอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้า ซึ่งชาวบ้านได้สดุดีท่าน อาหลาถิเนือง ให้เป็นบรรพบุรุษผู้ให้กำเนิดอาชีพพื้นเมือง รวมทั้งก่อสร้างวิหารบูชาผู้สร้างอาชีพทอผ้าไหม ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้ายังคงถูกจารึกไว้บนแผ่นหิน รวมถึงเครื่องทอผ้าดั้งเดิมที่ตั้งไว้ในวิหารบูชา
ผ่านกาลเวลามาหลายพันปี หมู่บ้านหว่านฟุกได้พัฒนามากขึ้น โดยผ้าไหมหว่านฟุกได้ถูกเลือกใช้เพื่อทำเสื้อผ้าให้แก่ขุนนางและกษัตริย์ในสมัยราชวงศ์เหงวียนช่วงปี 1802- 1945 และถูกจัดแสดงในงานแสดงสินค้านานาชาติ ณ เมืองมาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1931 ซึ่งถูกประเมินว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราณีตสวยงามในอินโดจีน ตั้งแต่ปี 1990 ผ้าไหมหว่านฟุกถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ปัจจุบัน ในหมู่บ้านผ้าไหมหว่านฟุก มีการสร้างบ้านที่โอ่โถงสวยงามและร้านขายผ้าไหมอยู่ติดๆกัน ซึ่งดึงดูดลูกค้ามาอุดหนุนเป็นจำนวนมาก ช่างศิลป์ ฝ่ามคั๊กห่า นายกสมาคมหมู่บ้านศิลปาชีพหว่านฟุกได้เผยว่า
“ปัจจุบัน หมู่บ้านหว่านฟุกมีช่างศิลป์อาวุโส 8 คน มี 164 ครอบครัวที่ประกอบอาชีพทอผ้าและขายผลิตภัณฑ์ผ่านร้าน 100 แห่ง พวกเรากำลังปฏิบัติโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่บ้านศิลปาชีพในหมู่บ้านหว่านฟุกที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอย”
ช่างศิลป์ เหงวียนถิเติม |
โรงทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้านหว่านฟุกคือ โรงทอผ้าไหมของช่างศิลป์เจี่ยววันหมาว ซึ่งเป็นหนึ่งในช่างศิลป์ที่รู้จักการทอผ้าเวิน ซึ่งเป็นผ้าโบราณที่มีลักษณะที่โดดเด่นของหมู่บ้านหว่านฟุก โดยนาย หมาว ได้ฟื้นฟูวิธีการทอผ้าเวินตั้งแต่ปี 1990 หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2010 ลูกหลานของเขาได้สืบทอดอาชีพนี้และกลายเป็นช่างศิลป์ที่มีชื่อเสียง ช่างศิลป์ เหงวียนถิเติม ลูกสะใภ้ของนายหมาวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในพลเมืองนครหลวงยอดเยี่ยมประจำปี 2015 และเป็นเจ้าของโรงทอผ้าไหมเจี่ยววันหมาว ได้เผยว่า ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเวินได้ถูกเลือกเป็นของที่ระลึกที่ผู้บริหารกรุงฮานอยมอบให้แก่แขกรับเชิญในโอกาสสมโภชกรุงฮานอยครบรอบ 1000 ปี เนื่องจากลายผ้าได้สะท้อนเอกลักษณ์วัฒนธรรมของทังลอง-ฮานอย เช่น ชื่อของผ้าไหมชนิดพิเศษนี้คือเวิน หมายความว่า เมฆ รวมทั้งลวดลายมังกรและหอเคววันก๊าก หรือหออาศรมอักษรศาสตร์ ช่างศิลป์ เหงวียนถิเติมได้เผยว่า
“ปัจจุบัน ผ้าไหมเวินยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้านหว่านฟุก ผ้าไหมเวินมีขั้นตอนการผลิตต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ทำด้วยมือ สิ่งที่โดดเด่นคือ แม้ผ้าจะดูบอบบางแต่ก็คงทนและมีผิวเรียบ ซึ่งมีช่างทอผ้าจากที่อื่นมาศึกษาวิธีทอผ้าไหมเวินแต่ก็ทำได้ไม่เหมือน”
ภาพการทอผ้า |
ในการประกอบอาชีพทอผ้า ประชาชนในหมู่บ้านหว่านฟุกได้เชื่อมโยงกันในทุกขั้นตอนการผลิตและมีการจัดตั้งสถานประกอบการต่างๆ ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมนับวันมีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อผลิตผ้าไหมที่มีความละเอียดสวยงาม ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการผลิตอย่างเคร่งครัด ส่วนช่างทอผ้าต้องมีฝีมือดี คุณ หว่างเหยี่ยวแคง ช่างทอผ้าของโรงทอผ้าไหมเจี่ยววันหมาวได้เผยว่า
“ ก่อนอื่น ต้องนำรังไหมไปต้มเพื่อทำให้รังไหมพองตัวออก แล้วดึงเส้นใยจากหลาย ๆ รังให้รวมกันเป็นเส้นเดียวด้วยการสาวภายในครั้งเดียว เพื่อให้เส้นไหมของแต่ละรังพันกันเป็นเกลียว ทำให้เกิดการเกาะยึดกัน มีความเหนียวทนทาน เมื่อสาวเสร็จแล้ว ก็นำเส้นใยไปเชื่อมเข้ากี่ทอผ้า ซึ่งเฉลี่ยแต่ละวัน สามารถทอผ้าได้ 5 – 6 เมตร”
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมหว่านฟุก ใช้รังไหมธรรมชาติ อีกทั้งมีลวดลายและมีสีสันที่หลากหลายดังนั้นจึงมีความประณีตสวยงาม ทนทานและมีคุณภาพดี ตอนใส่ก็จะรู้สึกถึงความนุ่มนวลของเนื้อผ้า
การประกอบอาชีพทอผ้าในหมู่บ้านหว่านฟุกได้รับการสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของหมู่บ้านแห่งนี้ จากการเป็นหมูบ้านที่มีอายุ เกือบ 1200 ปี หมู่บ้านหว่านฟุกจึงเป็นหนึ่งในหมู่บ้านศิลปาชีพที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวียดนาม.