ภาพการประชุม |
ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นาง เลถิมิงห์ทวา อัครราชทูตที่ปรึกษาและรองหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำสหประชาชาติ ได้ยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นที่แข็งขันของเวียดนามในการปฏิบัติตามวาระการประชุมปี 2030 เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์สังคมอย่างรอบด้าน เสมอภาค และพึ่งพาตนเอง เพื่อไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม เวียดนามได้ให้คำมั่นที่จะไม่แลกสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยืนหยัดต่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยเฉพาะกับการเข้าร่วมและดำเนินความตกลงการเป็นพันธมิตรด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรมหรือ JETP ทั้งนี้ ผู้แทนเวียดนามได้มีการประเมินว่า การปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาและความยุติธรรมทางสังคมยังคงตต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เนื่องจากแหล่งทรัพยากรมีจำกัด ดังนั้น ต้องการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการยกระดับขีดความสามารถและการสนับสนุนทางเทคนิคสำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอย่างเวียดนาม เพื่อส่งเสริมเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาและความยุติธรรมทางสังคม. 6#IMF และ WB ประกาศเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ต่อเศรษฐกิจโลก เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF และธนาคารโลกหรือ WB ได้ส่งคำเตือนเกี่ยวกับการปะทะในฉนวนกาซา รวมถึงการโจมตีหลายครั้งที่มุ่งเป้ายังเรือพาณิชย์ขนส่งสินค้าที่แล่นผ่านทะเลแดง ซึ่งสร้างภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสุดยอดรัฐบาลโลก ซึ่งเป็นกิจกรรมประจำปีที่รวมตัวบรรดาผู้นำทางการเมืองและกลุ่มผู้ประกอบการระดับโลก ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นาง Kristalina Georgieva ผู้อำนวยการใหญ่ IMF ได้แสดงความเห็นว่า ถ้าหากความขัดแย้งยิ่งยืดเยื้อออกไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างผลพวงที่ตามมาในวงกว้าง ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อกระบวนการดำเนินงานของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการขนส่งทางทะเลผ่านคลองสุเอซมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากสถานการณ์ที่กองกำลังฮูตีในเยเมนทำการโจมตีเรือพาณิชย์ที่แล่นผ่านทะเลแดงอย่างต่อเนื่อง สำหรับนาย Ajay Banga ประธานธนาคารโลก ได้แสดงความเห็นว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ฉนวนกาซาและทะเลแดงนั้น สร้างความท้าทายครั้งใหญ่ต่อโอกาสการฟื้นตัวและการพัฒนาของเศรษฐกิจโลก โดยจำเป็นต้องมีการควบคุมปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกที่บั่นทอนเสถียรภาพ เพื่อสามารถค้ำประกันการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 55 ปีที่ผ่านมา.