ในการกล่าวปราศรัยปิดประชุมอาเซียน นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า "ปี2020 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ซึ่งภายหลังกว่า5ทศวรรษแห่งการก่อตั้งและพัฒนา อาเซียนยังคงยืนยันพลังความสามัคคีและความเข้มแข็งในการพึ่งตนเอง ความคล่องตัวในการปรับตัวเข้ากับทุกความท้าทาย อาเซียนได้เห็นพ้องในเนื้อหาที่สำคัญต่างๆที่จะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ของอาเซียนกับหุ้นส่วน ยืนยันคำมั่นที่เข้มแข็งในความร่วมมือพหุภาคี การเชื่อมโยงเศรษฐกิจแบบเสรีและการแลกเปลี่ยนทัศนะในปัญหาระหว่างประเทศและภูมิภาค อาเซียนเห็นพ้องธำรงบทบาทการเป็นศูนย์กลาง ผลักดันการสนทนา ความร่วมมือและการป้องกันการปะทะ สร้างสรรค์ความไว้วางใจและสร้างสรรค์ภูมิภาคที่เปิดกว้าง โปร่งใส คลอบคลุมและเคารพกฎหมาย"

นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ย้ำว่า การลงนามข้อตกลงRCEPในกรอบการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเหตุการณ์สำคัญของอาเซยนเท่านั้นหากยังมีความสำคัญต่อการค้าโลกอีกด้วย นอกจากนั้นอาเซียนได้หารือมาตรการรักษาสันติภาพในภูมิภาคโดยยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมายสากล ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีอาเซียนที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกนั้นก็ได้ยืนยันถึงบทบาทของสตรีในการแก้ไขปัญหาต่างๆของอาเซียน ในขณะที่การประชุมอีเอเอสยังคงยืนยันบทบาทของอาเซียนในการสร้างสรรค์ภูมิภาคที่เปิดกว้าง คลอบคลุมและเคารพกฎหมาย

พิธีมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้แก่ประเทศบรูไน

ในพิธีมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้แก่ประเทศบรูไน นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ในฐานะประธานอาเซียนปี2021 บรูไนจะนำอาเซียนพัฒนาก้าวหน้าและสามัคคีมั่นคงต่อไป

ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม ได้ทรงยืนยันว่า "การประชุมผู้นำอาเซียน37และการประชุมระดับสูงที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและประชาชนเวียดนามที่สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างสำเร็จด้วยดีท่ามกลางสภาวการณ์ที่เต็มด้วยความท้าทาย เวียดนามได้นำพาอาเซียนเพื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติคำมั่นต่างๆในการสร้างสรรค์เป็นประชาคมที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมปรับตัว พวกเราจะสานต่อดอกผลนี้เพื่อผลักดันกระบวนการฟื้นฟูและการสร้างสรรค์ประชาคมตามวิสัยทัศน์แห่งอาเซียน"./.