การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกลาโหมอาเซียนขยายวง
|
เมื่อวันที่๒๔เมษายน ณ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้มีการจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกลาโหมอาเซียนขยายวงหรือADSOM- Plus โดยที่ประชุมได้แสดงความวิตกกังวลต่อความตึงเครียดที่นับวันเพิ่มมากขึ้นในทะเลตะวันออก บรรดาเจ้าหน้าที่อาวุโสกลาโหมของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศหุ้นส่วนต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ออสเตรเลีย อินเดีย นิวซีแลนด์ รัสเซียและสหรัฐได้สงวนเวลาส่วนใหญ่เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว นาง Amy E. Searigh ผู้ช่วยด้านกลาโหมของกรมเอเชีย-แปซิฟิกสังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้เผยว่า“สหรัฐเรียกร้องให้ทุกประเทศหารือและแก้ไขปัญหาการพิพาทอย่างสันติผ่านมาตรการทางการทูตและนิตินัย ไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้อาวุธและการเปลี่ยนแปลงสภาพเดิม ในการประชุมระหว่างนาย บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐกับผู้นำประเทศต่างๆ ณ Sunnylandเมื่อต้นปีนี้ ฝ่ายต่างๆได้ให้คำมั่นที่จะใช้ความอดกลั้นและปฏิบัติตามแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซี ไม่ขยายปฏิบัติการทางทหารบนเกาะต่างๆและไม่มีกิจกรรมที่ทำการปรับปรุงต่างๆอีก สหรัฐและอาเซียนให้การสนับสนุนหลักการดังกล่าว”
บรรดาผู้แทนยังหารือเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงต่างๆ โดยเฉพาะ ปัญหาการก่อการร้ายในปัจจุบันในภูมิภาค ปัญหาความมั่นคงด้านนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีและปัญหาการพิพาทด้านอธิปไตยในทะเลตะวันออก พลโท หวูเตี๊ยนจ๋อง หัวหน้าสถาบันความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า “เวียดนามก็มีความวิตกกังวลเช่นกัน เวียดนามเห็นว่า ปัจจุบัน ปัญหาการพิพาทด้านอธิปไตยในทะเลตะวันออกมาจากปัญหาทางประวัติศาสตร์ จุดยืนของเวียดนามก็คือ ทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงสองประเทศต้องได้รับการแก้ไขผ่านมาตรการสันติภาพและข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายสามารถยอมรับได้ ส่วนปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงหลายประเทศ ประเทศต่างๆต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านมาตรการพหุภาคีและได้รับการเปิดเผยตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะ อนุสัญญาเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒ คำมั่นและข้อตกลงต่างๆในภูมิภาค”
บรรดาผู้แทนก็ได้ย้ำว่า เสรีภาพในการเดินเรือทางทะเลมีบทบาทสำคัญต่อกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทางการค้า ดังนั้น ฝ่ายต่างๆต้องให้ความเคารพข้อกำหนดต่างๆที่มีอยู่และทำการสนทนาต่อไป ทุกปัญหาการพิพาทต้องได้รับการแก้ไขผ่านการสนทนา.
หมีบิ่ง-นักข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำประเทศลาว