เมื่อปี 1010 ณ ราชธานี ฮวาลือ กษัตริย์ ลี้ท้ายโต๋ ทรงมีพระบรมราชโองการให้ย้ายเมืองหลวงมาที่เมือง ด๋ายลา และเปลี่ยนชื่อเป็นทังลอง รวมทั้งได้สั่งให้ก่อสร้างพระราชวังหว่างแถ่งและพระราชวังอีกหลายแห่งในพื้นที่แห่งนี้ กำแพงพระราชวังมีประตู 4 ทิศที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำ  โดยประตูเตื่องฝู่ อยู่ทางทิศตะวันออก ประตูกวางฟุก อยู่ทางทิศตะวันตก ประตูด่ายฮึงอยู่ทางทิศใต้ และประตูเหยี่ยวดึ๊กอยู่ทางทิศเหนือ นี่คือสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สร้างสืบต่อกันมาในระยะต่างๆทางประวัติศาสตร์จนกลายเป็นโบราณสถานที่สำคัญที่สุดในเวียดนาม

เมื่อกล่าวถึงกำแพงพระราชวัง หว่างแถ่งทังลอง ก็ต้องนึกถึงเหตุการณ์ที่กษัตริย์ ลี้ท้ายโต๋ มีพระบรมราชโองการย้ายเมืองหลวงมาตั้งอยู่ที่เมือง ด่ายลา ส่วนจัตุรัส บาดิ่งห์ ในกรุงฮานอยเป็นสถานที่ที่เป็นพยานในเหตุการณ์ที่สำคัญๆในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม โดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี 1945 ประธานโฮจิมินห์ ในฐานะผู้นำรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามได้อ่านปฏิญญาเอกราช สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ปัจจุบัน จัตุรัส บาดิ่งห์มีขนาด 320ม.*100 ม. และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมหลักในวันงานสำคัญๆของเวียดนาม และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเดินเล่นสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวฮานอย

สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของฮานอยคือ เคว วัน ก๊าก ที่อยู่ในเขตโบราณสถาน วันเมี้ยวก๊วกตื๋อย้าม สร้างขึ้นเมื่อปี 1805 เคว วัน ก๊าก มีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เสาชั้นล่างเป็นเสาก่ออิฐสี่เหลี่ยมมีขนาดความกว้าง 1 เมตรและบนเสามีการแกะสลักลวดลายที่ซับซ้อน ชั้นบนเป็นหอไม้สีทอง ส่วนหลังคาทำจากปูนขาวและดินเผาที่มีความแข็งแรงทนทาน

อีกหนึ่งสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศเป็นจำนวนมากคือวัดเฉินก๊วก ที่สร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ ลี้นามเด๊ (ปี 541-547) ในหมู่บ้าน เอียนหว่า ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำแดงโดยตั้งชื่อว่า วัดคายก๊วกหรือความหมายคือการสร้างชาติ  ถึงสมัยของกษัตริย์ ลี้เญินตง วัดแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สนทนาระหว่างพระราชชนนี อี๋ลาน กับพระสงฆ์  เมื่อเร็ว ๆ นี้ วัดเฉินก๊วก ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 10 วัดที่สวยที่สุดในโลกโดยเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก National Geographic

จากวัด เฉินก๊วก เดินไปตามถนน แทงเนียน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของทะเลสาบโห่ไต ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยงามและมีชื่อเสียงของเมืองหลวงฮานอย ความงดงามของพระอาทิตย์ตกที่ทะเลสาบโห่ไตได้สร้างแรงบันดาลใจไม่รู้จบให้แก่นักดนตรีและกวีเพื่อแต่งเพลงและบทกวีต่างๆ

สถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งเพื่อชมพระอาทิตย์ตกในฮานอยคือบนสะพาน ลองเบียน ซึ่งเป็นสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำแดงแห่งแรกก็เชื่อมเขตฮว่านเกี๋ยมกับเขตลองเบียนของฮานอย สร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศสในระหว่างปี 1898-1902 มีความยาว 2,290 เมตร

ไม่ไกลจากสะพานลองเบียนคือสะพาน เชืองเยือง ที่ก่อสร้างในปี 80 เป็นสะพานขนาดใหญ่แห่งแรกที่ออกแบบและสร้างโดยเวียดนามพึ่งพาการช่วยเหลือจากวิศวกรต่างชาติ มีความยาว 1,230 เมตร

มีสะพานใหม่อีกแห่งที่มีชื่อเสียงในฮานอยคือสะพาน เหญิตเติน สะพานแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองหลวงฮานอย โดยมีช่วงสายเคเบิลขึงสะพาน 5 เส้นซึ่งหมายถึง 5 ประตูและยังเป็นตัวแทนของกลีบดอกท้อ 5 กลีบของหมู่บ้าน เหญิตเติน ในกรุงฮานอย

ถ้าบอกว่า ถนนและสะพานเป็นเส้นเลือดหลักของกรุงฮานอย ทะเลสาบคืนดาบก็เปรียบเสมือนดวงใจของกรุงฮานอย ชื่อ หว่านเกี๊ยม ปรากฏขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 โดยเกี่ยวข้องกับตำนานของกษัตริย์  เลท้ายโต๋ ที่คืนดาบให้แก่พญาเต่า หลังจากรบชนะกองทัพหมิงที่มารุกราน

ใกล้ๆบริเวณทะเลสาบคืนดาบ คือย่านโบราณ 36 สาย  นี่คือศูนย์กลางการค้าและกิจกรรมหัตถกรรม มีถนนหลายสายที่มีความผูกพันกับอาชีพต่างๆ ที่มีกลิ่นอายของความเป็นชุมชนเก่า ปัจจุบัน ถนนโบราณ 36 สายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจเพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับทังลอง-ดงโด-ฮานอย

โรงละครใหญ่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกฝรั่งเศสที่โดดเด่นเคยได้รับการบูรณะซ่อมแซมในช่วงปี 1995 ถึง 1997 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ปัจจุบัน โรงละครใหญ่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดรายการศิลปะที่สำคัญที่สุดในฮานอย ซึ่งบรรดาศิลปินถือว่า ที่นี่คือศูนย์กลางสำหรับศิลปะคลาสสิก

นอกเหนือจากกิจการทางประวัติศาสตร์แล้ว กรุงฮานอยยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยกิจการใหม่ๆที่ได้รับการก่อสร้างเพื่อตอบสนองความต้องการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและกิจกรรมของชาวฮานอย  ภาพ: สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในถนน จ่างเตี่ยน - จัตุรัสปฏิวัติเดือนสิงหาคม

ตัวเมืองใหม่ เช่น Royal City Time City และ Stars Lake  ที่มีสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ มีศูนย์การค้าและสถานที่พักผ่อนต่างๆแสดงถึงความทันสมัยของเมืองหลวงที่มีอายุนับพันปี ภาพ: แสงจากอพาร์ตเมนต์ใน Royal City

จากทางหลวง ทังลอง สู่ใจกลางกรุงฮานอย นักท่องเที่ยวจะได้เห็นอาคารสูงที่มีแสงระยิบระยับและทันสมัย ภาพ: เขตตัวเมือง จุงหว่า มองจากทางหลวง ทังลอง