การแสดงร้องเพลงพื้นเมืองของชนเผ่าไย้ |
ในภาษาชนเผ่า Vươn Giáy คือเพลงพื้นเมืองของชนเผ่าไย้ในเวียดนามโดยเอกลักษณ์ของเพลงพื้นเมืองนี้คือเป็นแบบทำนองเดียวแต่สามารถสะท้อนลีลาเนื้อร้องตามอารมณ์ของผู้ร้องได้ ซึ่งมี3รูปแบบที่พบเห็นทั่วไปคือลีลาเนื้อร้องแบบโต้ตอบระหว่างหนุ่มสาว ลีลาเนื้อร้องสำหรับการอำลากันและการร้องเชิญดื่มเหล้าต้อนรับเเขก โดยเฉพาะการร้องโต้ตอบของหนุ่มสาวถือว่ามีความไพเราะที่สุดซึ่งมักจะจัดขึ้นในยามค่ำคืนช่วงวสันต์ฤดู ศิลปินยอดเยี่ยม เสินจ๊าง ชาวบ้านต๋า วาน อำเภอ ซาปา เผยว่า“เมื่อชาวบ้านร้องเพลงก็มีเป้าหมายอยากสื่อความในใจให้คนอื่นได้รู้ ซึ่งจะมีทำนองเพลงแบบเดียวแต่มีเนื้อร้องที่หลากหลายตามอารมณ์คนร้อง เช่นถ้าเป็นการร้องโต้ตอบหรือยังเรียงว่าการร้องยามราตรีหนุ่มสาวจะพากันไปเยือนเพื่อนของหมู่บ้านอื่นแล้วชวนกันร้องเพลงสังสรรค์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์และทำความรู้จักกัน”
สำหรับการร้องรับแขกถือเป็นรูปแบบการร้องหมู่ที่โดดเด่นในชุมชน โดยจะต้องมีการร้องจากระดับง่ายๆแล้วค่อยยากขึ้นไปตามระดับดังนั้นผู้ร้องต้องมีความรู้และเข้าใจในทำนองและจำเนื้อร้องของเพลงพื้นเมืองได้หลายบท โดยการร้องเพลงพื้นเมืองจะมีหลายคนเข้าร่วมแบ่งเป็นฝ่ายเจ้าของบ้านและฝ่ายแขกเพื่อร้องโต้ตอบสังสรรค์กัน ซึ่งยังถือเป็นโอกาสให้หนุ่มสาวทำความรู้จักกัน โดยการร้องเพลงแต่ละครั้งอาดยาวเป็นเวลาสองสามวันจนกว่าจะมีอีกฝ่ายยอมแพ้
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าทำนองเพลงพื้นเมือง Vươn Giáy ได้กลายเป็นวิถีชีวิตส่วนหนึ่งที่ขาดมิได้ของชุมชนเผ่าไย้ โดยสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาด้วยเสียงเพลงได้ทุกขณะทุกเวลาด้วยทำนองคำร้องที่เรียบง่าย สะท้อนความในใจ ความรักความผูกพันกับดินฟ้าอากาศธรรมชาติ ความคาดหวังในชีวิตที่อิ่มหนำผาสุก
-Nam: “ในหลายชุมชนเมื่อฤดูเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นลงช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมชาวบ้านถึงจะมีเวลาเยี่ยมเยือนกัน เมื่อได้มาเยี่ยมบ้านและพบปะกับเพื่อนฝูง หนุ่มสาวในหมู่บ้านก็จะมาสวัสดีทักทาย ถ้าอยากทำความรู้จักกันก็จะนัดกันไปร้องเพลงโต้ตอบเป็นเวลา4วัน4คืนถึงจะจบ”
-Nữ: “การจัดกิจกรรมร้องเพลงพื้นเมืองนั้นมักมีขึ้นในตอนค่ำคืน ถ้าแขกที่มาเยือนหมู่บ้าน เป็นหนุ่มก็จะมีสาวๆของหมู่บ้านมาร่วมสังสรรค์ ส่วนถ้าแขกเป็นสาวก็จะมีหนุ่มมาดูแลเพื่อช่วนกันตั้งกลุ่มร้องเพลง”
เนื้อร้องในเพลงพื้นเมืองของเผ่าไย้จะวาดภาพวิถีชีวิตและธรรมชาติที่มีชีวิตชีวาและผูกพันใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งคนที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมเมื่อฟังแล้วอาจจะเห็นว่าไม่ค่อยมีความหมายอะไรมากแต่ถ้าได้มาอยู่ในเหตุการณ์แล้วสัมผัสกับบรรยากาศจริงก็จะเห็นว่าทำนองเพลงที่ร้องนั้นแฝงความหมายที่ลึกซึ้ง มีทั้งการสื่อสารทักทาย ทั้งคำสั่งสอนให้คนรู้จักการปฏิบัติต่อกัน ต่อผู้ใหญ่ต่อคนในครอบครัว ซึ่งนับเป็นสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงระหว่างผู้คนและเพื่อเสริมสร้างพลังความสามัคคีให้แก่ชุมชนเผ่าไย้อย่างมั่นคงถาวร.