กลุ่มศิลปินเกี่ยวกับศิลปะการวาดภาพลงรักขัดเงา De.lac |
นิทรรศการ “Dialogue” คือนิทรรศการที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของกลุ่มศิลปินเกี่ยวกับศิลปะการวาดภาพลงรักขัดเงา De.lac รวมสมาชิก 3 คนคือจิตรกร เจืองหว่างหาย จิตรกร เหงวียนกวางหวูและศิลปิน VFX เหงวียนดว่านกวางฮวี ซึ่งเป็นศิลปินที่สร้างสรรค์เทคนิคพิเศษสำหรับงานภาพยนตร์และงานโฆษณาทางโทรทัศน์
นิทรรศการ “Dialogue” จัดขึ้น ณ บริเวณศาลานามเฮืองในกรุงฮานอยที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์วัฒนธรรมเวียดนาม ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสและสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้เข้าชมผ่านการใช้วัสดุใหม่ๆ โดยผลงานต่างๆที่จัดแสดงในงานมีการผสานระหว่างศิลปะการวาดภาพลงรักขัดเงากับการทดลองใช้วัสดุต่างๆเพื่อบรรยายถึงความงามทางธรรมชาติ ดอกบัวในฤดูต่างๆ สะพานลองเบียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของนครหลวง จิตรกร เหงวียนกวางหวู สมาชิกกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ De.lac ได้เผยว่า
“ “นิทรรศการ “Dialogue” สื่อถึงการมีบุคลิกที่โดดเด่นและมุมมองความงามของสมาชิกกลุ่ม การผสานการวิจัยและผลงานศิลปะของสมาชิกกลุ่มช่วยสร้างการสนทนาพิเศษด้านศิลปะและเชื่อมโยงความโดดเด่นของแต่ละคนให้เป็นผลงานร่วม ซึ่งกลุ่ม De.lac มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ศิลปะการวาดภาพลงรักขัดเงาของเวียดนามผ่านรูปแบบใหม่ให้แก่คนรุ่นใหม่เวียดนามและเพื่อนมิตรชาวต่างชาติ”
จุดเด่นของงานคือการวาดภาพลงรักขัดเงาบนวัสดุต่างๆ |
สมาชิกกลุ่ม De.lac ได้วิจัยและทดลองวาดภาพลงรักขัดเงาบนวัสดุต่างๆ เช่น พลาสติกรีไซเคิล ผ้าไหม หนังและโลหะ โดยจิตรกร เจืองหว่างหาย จบคณะวิจิตรศิลป์ จิตรกร เหงวียนกวางหวู จบวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก ส่วน เหงวียนดว่านกวางฮวี เป็นศิลปินด้านงานประติมากรรม 3 มิติและแอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Visual ซึ่งทั้งสามคนได้พยายามดัดแปลงผลงานภาพวาดเพื่อสร้างความโดดเด่นให้แก่ผลงานแต่ละชิ้น นาย เหงวียนเท้เซิน อาจารย์และภัณฑารักษ์ผู้คัดเลือกผลงานศิลปะสะสมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยได้ประเมินว่า
“ความพยายามพัฒนาตนเองและทดลองวัสดุใหม่ๆ แสวงหาวิธีการเข้าถึงใหม่ของกลุ่ม De.lac ได้ช่วยสร้างมุมมองใหม่เกี่ยวกับศิลปะการวาดภาพลงรักขัดเงา เช่น การภาพวาดบนพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งเปิดแนวทางใหม่และมุ่งสู่สิ่งที่มีค่ามากมาย โดยคนรุ่นใหม่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะเท่านั้น หากยังมีการเชื่อมโยงกับปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย”
ภาพวาดในงาน |
ส่วนดร.จิตรกร เจิ่นเหาเอียนเท้ ได้ให้ข้อสังเกตว่า นิทรรศการ “Dialogue” ไม่เพียงแต่สะท้อนมุมมองใหม่เกี่ยวกับศิลปะการวาดภาพลงรักขัดเงาเท่านั้น หากยังเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ผ่านการจัดแสดงผลงานต่างๆ ที่ศาลานามเฮืองที่มีอายุหลายร้อยปีในกรุงฮานอย
“ศาลานามเฮืองเป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมในเขตหว่านเกี๊ยม โดยการจัดงานนิทรรศการที่นี่แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนกิจกรรมนี้ของทางการท้องถิ่นและการส่งเสริมกิจกรรมศิลปะของศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ศาลาต่างๆเป็นสถานที่บูชาเทพและบุคคลสำคัญต่างๆ เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลและกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศิลปะ โดยในกรุงฮานอยและเขตหว่านเกี๊ยม ได้มีการปฏิบัติโครงการต่างๆเพื่อส่งเสริมคุณค่าของศาลา เช่น กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ De.lac และนาย เหงวียนเท้เซิน อาจารย์และภัณฑารักษ์ผู้คัดเลือกผลงานศิลปะสะสมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยได้ช่วยส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่ศาลานามเฮือง”
ทั้งนี้ นิทรรศการ “Dialogue” ไม่เพียงแต่สร้างเวทีด้านศิลปะเกี่ยวกับความกลมกลืนในความหลากหลายทางวัฒนธรรมเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมส่งเสริมคุณค่าของมรดกและโบราณสถานต่างๆเพื่อกลายเป็นจุดศูนย์รวมแห่งความสร้างสรรค์ของศิลปินรุ่นใหม่และผู้ที่รักงานศิลปะ อีกทั้งเป็นการเชื่อมโยงทัวร์ศิลปะวัฒนธรรมในอนาคต เป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมส่งเสริมคุณค่าของวัฒนธรรมประชาชาติ.