( VOVworld )-ในการประชุมสมัยสามัญขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโกครั้งที่ ๓๗ ที่สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้มีมติประกาศยกย่องกวีเอกเหงวียนซูของเวียดนามให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านงานวรรณกรรมพร้อมๆกับบุคคลสำคัญคนอื่นๆในสาขาเดียวกันของโลก นี่เป็นเกียรติสำหรับเวียดนามและเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญเนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๕๐ ปีชาตกาลวันคล้ายวันเกิดของมหากวีเหงวียนซูและเวียดนามยกย่องงานประพันธ์ของท่านที่มีคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรม
หน้าปกบทกลอนเรื่องนางเกี่ยว
กวีเอกเหงวียซูเกิดเมื่อปีค.ศ.๑๗๖๖ และถึงแก่กรรมเมื่อปีค.ศ.๑๘๒๐ ท่านเป็นมหากวีของเวียดนามช่วงปลายศตวรรษที่ ๑๘ ถึงต้นศตวรรษที่ ๑๙ กวีเอกเหงวียนซูได้ประพันธ์ผลงานมากมายที่มีคุณค่าแต่งานประพันธ์ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายไม่เฉพาะคนเวียดนามเท่านั้น หากแม้คนต่างชาติก็ต้องเอ่ยถึงบทกวีเรื่องนางเกี่ยว ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นเรื่องกินใจที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมของชาติ สุภาษิตคำพังเพยและในวิถีชีวิตของคนเวียดนาม บทกลอนเรื่องนางเกี่ยวเขียนด้วยภาษานมประกอบ ๓,๒๕๔ บทประเภทมีสัมผัสในและนอก โดยบทแรกมี ๖ คำและบทที่สองมี ๘ คำ เนื้อเรื่องกล่าวถึงชีวิตสังคมสมัยนั้นผ่านชีวิตที่ลุ่มๆดอนๆของตัวละครเอกคือนางเวืองทุ้ยเกี่ยวที่ต้องขายตัวเพื่อช่วยชีวิตพ่อให้พ้นจากการติดคุก สะท้อนความปวดร้าว ความปรารถนาของประชาชนเวียดนามที่จะได้อยู่ในความสุข ความรักที่อิสระ ความยุติธรรม อีกทั้งเป็นการประนามระบอบศักดินาที่เหี้ยมโหดตลอดจน
สะท้อนจิตใจแห่งความเมตตาต่อคนของมหากวีเหงวียนซู เรื่องนางเกี่ยวเป็นยอดวรรณคดีประเภทกลอนของเวียดนามที่สะท้อนแนวคิดแห่งมนุษย์ ความรู้ ทักษะด้านศิลปะและการใช้ภาษาอย่างสละสวยและไพเราะเสนาะหู ร.ศ.ดร.โงวันย้า อาจารย์มหาวิทยาลัยวัฒนธรรมฮานอยเห็นว่า “ เหงวียนซูได้ทิ้งผลงานด้านวรรณกรรมมากมายไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง ซึ่งผลงานเหล่านี้มีคุณค่าด้านแนวคิด สาระ การแสดงออกและสไตล์การเขียนด้วย ท่านมีส่วนร่วมไม่เพียงแต่ในด้านวรรณกรรมเท่านั้น หากยังในคลังมรดกวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดคือ ทักษะในการใช้ภาษาเวียดให้มีความสละสลวยและความหลากหลาย มีคนเคยยกย่องว่า ภาษาเวียดในเรื่องนางเกี่ยวได้พัฒนาขึ้นอีกขั้นคือ ภาษาแห่งวรรณกรรมและวัฒนธรรม เรื่องนางเกี่ยวสะท้อนความหลงไหลและความสามารถในการสร้างสรรค์ประพันธ์ผลงานของเหงวียนซู ซึ่งชาติหนึ่งจะมีบุคคลสำคัญงานด้านวรรณกรรมไม่กี่คนและมหากวีเหงวียนซูก็เป็นหนึ่งในจำนวนบุคคลสำคัญดังกล่าว ”
เรื่องนางเกี่ยวหลายตอนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอน ถูกศึกษาวิจัยในทุกแง่มุมไม่ว่าจะในด้านอักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์และปรัชญาแห่งมนุษยชาติ ได้รับการดัดแปลงเป็นละครและภาพยนตร์ เรื่องนางเกี่ยวยังเข้าสู่ชีวิตของคนเวียดนาม โดยคนเวียดนามแต่ละคนสามารถพบชีวิตส่วนใดส่วนหนึ่งของตนในเรื่องนางเกี่ยวและมีการใช้บทกวีเรื่องนางเกี่ยวเพื่อดูดวงหรือเอาตัวละครทั้งดีและร้ายมาเยาะเย้ยหรือยกย่องคนใดคนหนึ่ง อีกทั้งขับบทกวีเรื่องนางเกี่ยวให้เป็นคติเตือนใจชาวบ้าน ชาวเวียดนามรุ่นแล้วรุ่นเล่ารักเรื่องนางเกี่ยวและทำการศึกษาวิจัย โดยได้จัดตั้งสมาคมเกี่ยวศึกษาที่มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก นายเหงวียนคักบ่าว นายแพทรย์ที่อาศัยในจังหวัดบั๊กนินห์เป็นสมาชิกสมาคมเกี่ยวศึกษาที่เป็นเจ้าของเอกสารเรื่องนางเกี่ยวที่เป็นภาษานมโบราณ ๕๒ ฉบับ ซึ่งมี ๓๐ ฉบับที่หอสมุดทุกแห่งในประเทศไม่มี นายบ่าวกล่าวถึงความรักในการค้นคว้าเรื่องนางเกี่ยวเป็นชีวิตจิตใจของตนว่า “ เอกสารบทกวีเรื่องนางเกี่ยวของครอบครัวผมแตกต่างกับเอกสารที่เป็นภาษาเวียดนามในปัจจุบันดังนั้นผมจึงทำการค้นหาและสะสมบทกวีที่เป็นภาษานม ตอนแรกผมค้นหาภายในจังหวัดบั๊กนินห์ เสร็จแล้วได้ขยายไปยังจังหวัดทั่วประเทศและขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆที่กำลังอาศัยในฝรั่งเศส แคนาดาและสหรัฐอเมริกาถ่ายเอกสารส่งมาให้ผม ”
รูปปั้นกวีเอกเหงวียนซู
บทกวีเรื่องนางเกี่ยวได้รับการแปลเป็น ๒๐ ภาษา เป็นที่รู้จักแพร่หลายในฝรั่งเศสและสหรัฐและเป็นที่ชื่นชอบในวงการวรรณคดีและผู้ที่รักวรรณคดีในทั่วโลก จนกระทั่งในครั้งหนึ่งที่ประธานาธิบดีบิลล์ คลินตันของสหรัฐอเมริกามาเยือนเวียดนามเมื่อปี ๒๐๐๐ ท่านได้อ่านบทหนึ่งในบนกวีเรื่องนางเกี่ยวว่า เมื่อดอกบัวร่วงโรยดอกเบญจมาศก็กลับมาบานสะพรั่ง
ที่ประชุมประกาศยกย่องเหงวียนซูเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านงานวรรณกรรม องค์การยูเนสโกได้ชื่นชมงานประพันธ์ของมหากวีเหงวียนซูที่ได้มีอิทธิพลต่อประวัติวัฒนธรรมเวียดนามและภูมิภาค งานประพันธ์ชิ้นต่างๆของเหงวียนซูสะท้อนความคิดที่อิสระและสร้างสรรค์ จิตใจรักชาติและความภาคภูมิใจในชาติ ทั้งนี้ทำให้ท่านสามารถฝ่าฟันกำแพงกีดขวางของภาษาฮั่นมาหลายพันปีเพื่อเขียนเรื่องนางเกี่ยวด้วยภาษานมของเวียดนาม การที่องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องเหงวียนซูเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านงานวรรณกรรมนั้นก็ถือเป็นการรับรองคุณค่าที่ดีเลิศของภาษาเวียดและวัฒนธรรมเวียด./.