การเสวนาในช่วงเช้าที่เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เจิ่นต๊วนแอง ข้าหลวงใหญ่การค้าของอียู Cecilia Malmstrom และประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือวีซีซีไอ หวูเตี๊ยนหลก เป็นประธาน ในการกล่าวปราศรัยในการเสวนา รัฐมนตรี เจิ่นต๊วนแอง ได้เผยว่า ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอไม่เพียงแต่ช่วยให้สินค้าเวียดนามขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าการส่งออกเท่านั้น หากยังดึงดูดแหล่งเงินลงทุนที่มีคุณภาพจากยุโรปเข้าเวียดนามอีกด้วย ส่วนข้อตกลงอีวีไอพีเอจะช่วยให้สถานะของเวียดนามได้รับการยกระดับให้เข้มแข็งบนเวทีโลกเช่นเดียวกับประเทศที่มีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่และมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาของโลกาภิวัตน์ ตามแนวทางเสรีภาพและอำนวยความสะดวกให้แก่การค้า “เมื่อมองดูโครงสร้างผลิตภัณฑ์ส่งออกของเวียดนามกับอียูที่ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันจะเห็นได้ว่าเป็นการสนับสนุนกันที่ยิ่งใหญ่ ตลาดยุโรปมี 28 ประเทศสมาชิกที่มีผลิตภัณฑ์เฉพาะที่สำคัญต่อเศรษฐกิจหลักของเวียดนามและมีความหมายทางสังคมที่เกี่ยวข้องถึงหน่วยงานการเกษตร และในหน่วยงานเศรษฐกิจอื่นๆ เช่นสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปและรองเท้าที่มีส่วนแบ่งในตลาดยุโรป และสนับสนุนต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เวียดนามใช้โอกาสจากข้อตกลงนี้เพื่อผลักดันและเพิ่มส่วนร่วมของเวียดนามในยุโรปและการพัฒนาในโลก”

ส่วนข้าหลวงใหญ่การค้าของอียู Cecilia Malmstrom ได้ยืนยันว่ากิจกรรมการค้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยผลักดันการลงทุน สร้างงานทำและอียูต้องการให้รัฐสภายุโรปเห็นชอบเพื่อบังคับใช้ข้อตกลง

ส่วนการเสวนาในช่วงบ่ายเริ่มขึ้นในเวลา 13.00 น. โดยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายจากข้อตกลงการค้าเสรีต่อสถานประกอบการในเวียดนาม.