เวียดนามให้ความสนใจผลักดันสิทธิมนุษยชนสำหรับกลุ่มเสี่ยง

Thu Hoa
Chia sẻ
(VOVWORLD) - เวียดนามให้ปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิของกลุ่มเสี่ยงในสังคมและพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภาวะโควิด- 19  เพื่อมุ่งปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติให้ประสบความสำเร็จ นี่คือคำยืนยันของคณะผู้แทนเวียดนามในการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติสมัยที่ 44 ณ เมืองเจนีวา  ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อเร็วๆนี้

 

เวียดนามให้ความสนใจผลักดันสิทธิมนุษยชนสำหรับกลุ่มเสี่ยง - ảnh 1ภาพการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติสมัยที่ 44 ณ เมืองเจนีวา (VNA)

ในการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19  และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อกลุ่มเสี่ยงในสังคม คณะผู้แทนเวียดนามได้ยืนยันว่า เวียดนามได้จัดทำนโยบายและบรรลุผลงานที่น่ายินดีในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิของกลุ่มเสี่ยงตามคำมั่นที่ให้ไว้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่เวียดนามเป็นภาคี

ค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในภาวะโควิด- 19

การแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19   กำลังส่งผลกระทบในทางลบต่อประชาชนทุกคนในทั่วโลก โดยผู้ใช้แรงงาน ผู้ที่มีฐานะยากจนและผู้ด้อยโอกาสเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการเข้าร่วมอนุสัญญา7 ฉบับจากจำนวนทั้งหมด 9ฉบับเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เวียดนามได้พยายามค้ำประกันความสมดุลระหว่างการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วนและการให้ความเคารพคำมั่นและหน้าที่ต่างๆตามกฎหมายสากล รัฐธรรมนูญและกฎหมายของประเทศ ทั้งนี้ สามารถกล่าวถึงผลงานในการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนของเวียดนามในการรับมือการแพร่ระบาดคือเวียดนามได้ระดมส่วนร่วมทั้งระบบการเมืองและประชาชนในการปฏิบัติสิทธิการได้รับการปกป้องและดูแลสุขภาพของประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เช่น การตรวจสุขภาพและทำการแยกตัวผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ สั่งปิดโรงเรียน จำกัดการเดินทาง การกรอกแบบฟอร์มสุขภาพ การปฏิบัติการเว้นระยะห่างทางสังคม การบริหารจัดการและการป้องกันการแพร่ระบาดในสถานีอนามัย เป็นต้น รัฐบาลได้ชี้นำการปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัดเพื่อค้ำประกันให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการบริการของระบบสาธารณสุขและอุปกรณ์การแพทย์ในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข รวมทั้งการตรวจและรักษาผู้ติดเชื้อโรคโควิด- 19  โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดคือประชาชนเวียดนามทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19  โดยประชาชนได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์และมีการอัพเดทเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดทั้งในเวียดนามและต่างประเทศ มาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดผ่านกลไกสื่อสารมวลชน รวมทั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์และการส่งข้อความผ่านมือถือ เวียดนามได้จัดตั้งช่องทางต่างๆเพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอและความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของนักวิชาการ กระทรวง หน่วยงานและประชาชน รัฐบาลได้เร่งเปิดใช้การบริการต่างๆผ่านเว็บไซต์ที่ให้บริการสาธารณะแห่งชาติระดับที่ 3และระดับที่ 4 เพื่อค้ำประกันให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการสาธารณะในระหว่างการปฏิบัติการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งความโปร่งใสด้านข้อมูลและการขยายการบริการสาธารณะออนไลน์เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการค้ำประกันสิทธิต่างๆของประชาชนเวียดนามในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19  

เวียดนามให้ความสนใจผลักดันสิทธิมนุษยชนสำหรับกลุ่มเสี่ยง - ảnh 2เอกอัครราชทูตเลถิเตวี๊ยดมาย หัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำเมืองเจนีวา (VNA) 

ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

นอกจากมาตรการด้านสาธารณสุชเพื่อป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดแล้ว เวียดนามยังได้อนุมัติและปฏิบัติโครงการและนโยบายช่วยเหลือทางสังคมเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด- 19   โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิเช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืดและโรคเบาหวาน เป็นต้น ได้รับการปกป้องและช่วยเหลือในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนมาตรการต่างๆ เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การแยกตัวผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อและปิดเขตที่พบผู้ติดเชื้อก็ได้รับการปฏิบัติอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายเช่น เด็ก แรงงานที่ตกงาน สตรี คนพิการ ประชาชนชนกลุ่มน้อยในเขตทุนกันดารและเขตที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุข รัฐบาลเวียดนามได้ตัดสินจัดสรรวงเงินช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคมที่ใช้เป็นครั้งแรก มูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีประชากร 20 ล้านคนใน 7 กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงจำนวนหลายแสนคน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย แรงงานที่ตกงานและผู้ที่ไม่มีรายได้ เป็นต้น ได้รับประโยชน์จากวงเงินช่วยเหลือดังกล่าว

ทั้งนี้และทั้งนั้น แสดงให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19  ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบศักยภาพของระบบสาธารณสุขของแต่ละประเทศเท่านั้น หากยังเป็นบททดสอบแนวความคิด คุณค่าแห่งชีวิตสังคมและระบอบการเมืองของประเทศต่างๆอีกด้วย เวียดนามได้มีนโยบายและการปฏิบัติเพื่อรับมือการแพร่ระบาดในทุกด้านทั้งในด้านสาธารณสุข การเมือง เศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการค้ำประกันความสมดุลระหว่างมาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดกับการให้ความเคารพสิทธิมนุษยชน บุคลิกภาพของบุคคลและเขตชุมชน โดยเฉพาะการดูแลเอาใจใส่และการปกป้องสิทธิของกลุ่มเสี่ยงในสังคม ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความพยายามของเวียดนามในการให้ความเคารพ ปกป้องและปฏิบัติสิทธิมนุษยชน.

Komentar