(VOVworld) – เมื่อวันที่๑๑กันยายนที่ผ่านมา สภาล่างสหรัฐได้อนุมัติร่างกฏหมายสิทธิมนุษยชนเวียดนามประจำปี๒๐๑๒หรือH:R.1410และมติH.Res.484 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามให้ความเคารพสิทธิมนุษยชนซึ่งร่างกฏหมายฉบับนี้ถูกจัดทำโดยยึดตามข่าวสารข้อมูลที่ผิดพลาด ขาดภาวะวิสัยเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนามและขัดกับผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ
|
สภาล่างสหรัฐ (Photo:Internet ) |
ร่างกฏหมาย H:R.1410 ที่ส.ส.Lorretta Sanchezเป็นผู้เสนอ ได้กล่าวหารัฐบาลเวียดนามว่า กีดกันเสรีภาพทางศาสนาและจับกุมคุมขัง“ผู้ที่มีทัศนคติที่ไม่ตรงกัน”และ“นักต่อสู้สายกลางที่เรียกร้องเสรีภาพทางศาสนาและเสรีภาพทางการเมือง”อย่างอุกอาจ ส่วนมติH.Res.484 ที่ส.ส.Chris Smithเป็นผู้เสนอ มีข้อห้ามรัฐบาลสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเวียดนามคือห้ามรัฐบาลสหรัฐให้ความช่วยเหลือเวียดนามในด้านที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อมนุษยธรรม ถ้าหากประธานาธิบดีสหรัฐไม่สามารถยืนยันกับรัฐสภาสหรัฐได้ว่า เวียดนามได้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนไปในทางที่ดีพร้อมทั้งมีคำเรียกร้องที่ไร้เหตุผลคือ เวียดนามต้องมีความก้าวหน้าอย่างข้ามขั้นในการปรับปรุงกฏหมายเพื่อยับยั้งการตั้งข้อหาทางอาญาต่อการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐต้องรายงานต่อสภาล่างเกี่ยวกับกระบวนการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในเวียดนามเป็นประจำ ก่อนอื่นต้องยืนยันว่า ร่างกฏหมายฉบับนี้ขัดกับหลักการให้ความเคารพสิทธิอัตวินิจฉัยของชาติหนึ่งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่ได้ระบุในกฏบัติสหประชาชาติ อนุสัญญสากลเกี่ยวกับสิทธิพลเรือน และการเมืองของสหประชาชาติที่ระบุชัดว่า ประชาชาติต่างๆมีเสรีภาพ มีสิทธิชี้ขาดระบอบการเมืองของตน การร่างและปฏิบัติรัฐธรรมนูญและการ่างกฏหมายเป็นสิทธิของแต่ละประเทศและแต่ละประชาชาติซึ่งไม่มีประเทศใดและกองกำลังการเมืองใดมีสิทธิยัดเยียดได้ซึ่งตามนั้นสิทธิ์ต่างๆของประชาชนเวียดนาม รวมทั้งสิทธิเป็นเจ้าของ สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็น สิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนและการเข้าร่วมการประชุมและสิทธิเสรีภาพทางศาสนาได้ระบุในรัฐธรรมนูญและ กฏหมาย ในทางเป็นจริง ประชาชนเวียดนามมีสิทธิต่างๆดังกล่าวและมีสิทธิเสรีภาพในการเข้าร่วมทุกด้านของชีวิตการเมืองสังคมของประเทศและมีสิทธิแสดงความคิดเห็นต่อพรรคและรัฐเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิต รวมทั้งการสร้างสรรค์ ปรับปรุงพรรค และยุทธศาสตร์สร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ นอกรอบการประชุมการปฏิบัติอนุสัญญาสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม นายPhạm Quang Vinh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้กล่าวว่า“พรรคและรัฐเวียดนามถือมนุษย์เป็นพลังขับเคลื่อนและเป็นเป้าหมายของกระบวนการพัฒนา การค้ำประกันสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมประชาธิปไตยของประชาชนเป็นคุณลักษณะของระบอบสังคมนิยมซึ่งพวกเราได้ยืนยันและได้ชี้ชัดว่า การค้ำประกันสิทธิมนุษยชนต้องเริ่มจากการขยายระเบียบการเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย พัฒนาระบบกฏหมาย เศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ซึ่งเป็นพื้นฐานเพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้าใจความตั้งใจของรัฐเวียดนามในการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนและปฏิเสธทุกคารมที่ผิดพลาด ในด้านความเชื่อ พลเมืองเวียดนามทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือหรือไม่นับถือศาสนาโดยผู้นับถือศาสนาได้รับการอำนวยความสะดวกทั้งในกรอบทางนิตินัยและในทางปฏิบัติเพื่อประกอบศาสนกิจ องค์กรศาสนาทุกองค์กรที่ได้รับการรับรองตามกฏหมายต่างสามารถประกอบศาสนกิจอย่างเสรีตามข้อกำหนดของกฏหมายซึ่งชาวอเมริกันและบรรดาชาวต่างชาติที่เคยเดินทางมาเยือนเวียดนามก็ได้ประจักษ์กับตาตนเองและเวียดนามก็ได้ยืนยันสิ่งนี้ในรายงานสำรวจเป็นประจำเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในหลายปีที่ผ่านมา และก็ต้องยืนยันว่า ในเวียดนามไม่มีนักโทษทางศาสนาและนักโทษทางการเมือง บุคคลที่ร่างกฏหมยฉบับนี้เรียกว่า“นักเคลื่อนไหวทำการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย”ถือเป็นคำที่น่าขบขันเพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้ที่ละเมิดกฏหมายเวียดนาม มาตรการต่างๆที่รัฐเวียดนามดำเนินต่อกลุ่มเหล่านี้ในเวลาที่ผ่านมาก็เพื่อรักษาความมีเสถียรภาพทางการเมืองและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมซึ่งไม่ว่าประเทศใด ผู้ที่มีการกระทำผิดกฏหมาย คุกคามผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของประเทศก็ต้องถูกลงโทษตามกฏหมาย น่าเสียดาย ที่สภาล่างสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่ให้ความเคารพอธิปไตย เอกราชและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันได้อนุมัติร่างกฏหมายสิทธิมนุษยชนโดยมีเนื้อหาที่ขาดภาวะวิสัยและไร้ความยุติธรรม ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกฏหมายฉบับนี้ยังถูกนำไปเชื่องโยงกับปัญหาสิทธิมนุษยชนในเวียดนามกับวงเงินช่วยเหลือให้แก่เวียดนามซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดพลาดและขัดกับผลประโยชน์ของประชาชนเวียดนามและสหรัฐที่กำลังพยายามสมานบาดแผลจากสงครามและแก้ไขผลเสียหายจากสารพิษสีส้ม ไดอ๊อกซิน ที่กองทัพสหรัฐได้ใช้ในสงครามเวียดนาม สส.Eni Faleomavaegaสมาชิกของคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาล่างสหรัฐได้กล่าวหลังจากที่ร่างกฏหมายฉบับนี้ได้รับการอนุมัติว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของส.ส.อเมริกันบางนายที่มีแนวทางยัดเยียดสิ่งที่พวกเขาถือว่าเป็นมาตรฐานในปัญหานี้ แต่ละประเทศมีคุณค่าและหลักการในการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนแตกต่างกันไป รัฐบาลเวียดนามได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ผมคัดค้านส.ส. อเมริกันที่ตำหนิติติงปัญหาสิทธิมนุษยชนในเวียดนามอยู่เสมอและเห็นว่า สถานการณ์ที่เป็นจริงเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนามยังไม่ได้รับการสะท้อนอย่างถูกต้อง”
|
ท่านPham Binh Minh รัฐมนตรีต่างประเทศเวียนดามและนางฮีลารี คลินตันรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ (Photo:Internet ) |
ในเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้มีความคืบหน้า ทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาที่ให้ความสนใจร่วมกันเป็นประจำ รวมทั้งปัญหาสิทธิมนุษยชนบนเจตนารมณ์แห่งความสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา และให้ความเคารพซึ่งกันและกันซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในปัจจุบันและในอนาคตเพื่อขยายความเข้าใจ ลดความแตกต่าง มีส่วนร่วมส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาต่อไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ./.
(Photo:Internet)