ปี 2017 เวียดนามได้สร้างสถิติในการดึงดูดการลงทุน FDI

Việt Hà
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ปี 2017 ยอดเงินทุนจดทะเบียนใหม่และเพิ่มเติมของโครงการลงทุนจากต่างประเทศ เอฟดีไอในเวียดนามอยู่ที่ 3 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินทุนดำเนินงานอยู่ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นอัตราการดึงดูดเงินเอฟดีไอที่สูงที่สุดของเวียดนามในรอบ10ปีที่ผ่านมา

ปี 2017 เวียดนามได้สร้างสถิติในการดึงดูดการลงทุน FDI - ảnh 1ปี 2017 เวียดนามได้สร้างสถิติในการดึงดูดการลงทุน FDI 

 ในปี  2017 มีนักลงทุนจาก 115 ประเทศและดินแดนเข้ามาลงทุนในเวียดนามใน 19 แขนง โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการลงทุนในโครงการด้านอุตสาหกรรมผลิตและอุตสาหกรรมแปรรูป รวมมูลค่า 1 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 44 ของยอดเงินทุนจดทะเบียน รองลงมาคือโครงการผลิตและจัดสรรไฟฟ้าและการประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์  โดยญี่ปุ่นคือนักลงทุนรายใหญ่อันดับหนึ่ง รวมยอดเงินลงทุนกว่า 9 พันล้านด่ง รองลงมาคือสาธารณรัฐเกาหลีและสิงคโปร์

  บรรยากาศการลงทุนคือปัจจัยชี้ขาดต่อความสำเร็จของเวียดนาม

นาย โด๊ะเหยิตหว่าง อธิบดีกรมการลงทุนต่างประเทศสังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามได้เผยว่า ปัจจัยที่ทำให้เงินทุนเอฟดีไอในปี 2017 เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2016และสูงกว่าการพยากรณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินทุนดำเนินงานอยู่ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งสามารถเบิกจ่ายเงินได้ 17.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เมื่อเทียบกับปี 2016 และเงินทุนเอฟดีไอที่ลงทุนซื้อหุ้นอยู่ที่ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนอกเหนือจากการปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจ เวียดนามได้รับการประเมินว่า มีจุดแข็งต่างๆในการดึงดูดการลงทุน เช่น ความมีเสถียรภาพทางการเมือง มีประชากรจำนวนมาก และมีอัตราประชากรที่อยู่ในวัยทำงานสูง      นาย Hirohide Sagara ประธานร่วมสหภาพฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนามปี 2017 ได้เผยว่า“ในเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามได้พยายามปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยสมาชิกของฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนาม หรือ VBF ร้อยละ 56 ได้ประเมินว่า เวียดนามได้ปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนที่เอื้อให้แก่การลงทุนและการประกอบธุรกิจ และหวังว่า รัฐบาลเวียดนามจะมีมาตรการต่างๆเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

โอกาสดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอของเวียดนามในอนาคต

ในสภาวการณ์ที่หลายประเทศในภูมิภาคประสบปัญหาต่างๆ แต่เวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนเนื่องจากความมีเสถียรภาพทางการเมือง ศักยภาพการพัฒนาเศรษฐกิจ บรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฟอรั่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปกปี 2017 ถือเป็นโอกาสทองเพื่อให้เวียดนามกระชับความร่วมมือกับเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกและดึงดูดการลงทุนจากหุ้นส่วนชั้นนำ เช่น ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐ ไทย จีนและไต้หวัน ประเทศจีน เป็นต้น ก่อนหน้านั้น เมื่อ 10ปีก่อน เวียดนามได้ประสบความสำเร็จในการดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอ โดยเฉพาะในช่วงปี 2007-2008หลังจากเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก 2006

นาย Robert E. Moritz ประธานเครือบริษัท PricewaterhouseCoopers  หรือ PwC ได้เผยว่า การที่นาย  โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเข้าร่วมการประชุมสัปดาห์ผู้นำเอเปก 2017 ณ นครดานังเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้สร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ นอกเหนือจากนักลงทุนสหรัฐ ยังมีนักลงทุนจากประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่จะขยายการลงทุนในเวียดนามมากขึ้น พร้อมทั้งยืนยันว่า เวียดนามจะเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า“เพื่อกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เวียดนามต้องวางกระบวนการดึงดูดการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ในหลายปีที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนของเวียดนามได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างมากและนักลงทุนต่างชาติหวังว่า แนวโน้มนี้จะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เวียดนามต้องบังคับใช้ข้อกำหนดด้านการลงทุนและประกอบธุรกิจในระยะยาวและทำการปฏิรูปด้านภาษีอย่างกว้างลึกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สถานประกอบการต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องพัฒนาแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง”

รายงานของPwC ระบุว่า เวียดนามเป็น 1 ใน 5 ประเทศและเศรษฐกิจที่ซีอีโอของบริษัทต่างๆในเอเปกสนใจมาลงทุนมากที่สุด ซึ่งมีความหมายยุทธศาสตร์ในสภาวการณ์ที่ขอบเขตของประชากรเวียดนามกำลังมีการเปลี่ยนแปลง เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่ธำรงอัตราการขยายตัวในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพและสร้างโอกาสการประกอบธุรกิจที่น่าสนใจต่างๆ.

Komentar