ในกรอบฟอรั่มเศรษฐกิจโลกครั้งที่ 42 ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ได้มีการจัดการประชุมที่หารือเกี่ยวกับการปฏิบัติ "วิสัยทัศน์ใหม่ของภาคการเกษตร" โดยเวียดนามได้รับการยกย่องให้เป็นตัวอย่างดีเด่นในการส่งเสริมการพัฒนาการ เกษตรของประเทศที่กำลังพัฒนา
|
ภายหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 6 เมื่อปี 1986 ได้มีการยืนยันว่า เกษตรกรรมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม พรรคและรัฐบาลได้ให้ความสนใจต่อการพัฒนาการเกษตรและชนบทโดยถือเป็นด้านที่มีความหมายต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมของประเทศ ดังนั้น หน่วยงานการเกษตรจึงได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อเทียบกับปี 1985 ปริมาณผลผลิตด้านธัญญาหารเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น 5 เท่า การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น 6 เท่า และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่ารกร้างเพิ่มขึ้น 3 เท่า นอกจากนี้ภาคการเกษตรยังไม่เพียงแต่สามารถจัดสรรค์อาหารได้อย่างเพียงพอให้แก่ประชาชนเท่านั้น หากยังสามารถทำการผลิตเพื่อส่งออกอีกด้วย โดยเฉพาะหลังจากที่การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 10 ได้มีการอนุญาติให้เกษตรกรสามารถประกอบธุรกิจได้ด้วยตนเอง ซึ่งทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งที่ดินและทรัพยกรณ์ต่างๆ เช่น ป่า ทะเลและน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศนโยบายเสรีด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งมีส่วนช่วยให้หน่วยงานการเกษตรเวียดนามสามารถฟันฝ่าอุปสรรคจนสามารถเปลี่ยนจากประเทศที่ขาดแคลนอาหารมาเป็นประเทศส่งออกข้าวอันดับที่สองของโลก นาย Hoang Binh Quan หัวหน้าคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ส่วนกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเผยว่า “
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศใน 25 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านการเกษตร ผมสามารถกล่าวได้ว่า ประเทศเราได้ผ่านความผันผวนต่างๆมากมาย ซึ่งในสภาวะการณ์นั้น เราได้มองเห็นถึงความสำคัญของภาคการเกษตร โดยเฉพาะในวิกฤตเศรษฐกิจโลกเมื่อปี 2008 ภาคการเกษตรได้ยืนยันถึงบทบาทในกระบวนการรักษาความมั่นคงด้านอาหารและพัฒนาประเทศและได้เปลี่ยนเวียดนามจากประเทศที่ขาดแคลนอาหารมาเป็นประเทศที่มีสถานะสำคัญบนเวทีโลก”
ตามความคิดเห็นของนาย Dang Kim Son หัวหน้าสถาบันวิจัยนโยบายของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม เนื่องจากระเบียบเชิงตลาด เศรษฐกิจเวียดนาม โดยเฉพาะเศรษฐกิจภาคการเกษตรและชนบทได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นที่น่ายินดี ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากอัตราผู้ยากจนที่ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 2 ต่อปีในตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในสภาวะการณ์ที่เศรษฐกิจโลกไร้เสถียรภาพ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า หน่วยงานการเกษตรได้สร้างงานทำและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในเขตชนบท โดยเฉพาะในเขตที่อยู่ห่างไกลความเจริญและเขตชนกลุ่มน้อย “ระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดได้สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่เกษตรกรและสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรทุ่มเททั้งแรงกายและสติปัญญาเพื่อประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า ในทั่วโลกมีไม่กี่ประเทศที่ผลผลิตของเกษตรกรสูงกว่าผลผลิตในสถาบันวิจัย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆก็อย่างเช่น ถ้าเกษตรกรเห็นว่า การปลูกต้นไม้นั้นมีประโยชน์มากกว่า พวกเขาก็จะเรียนรู้และปฏิบัติตามโดยเร็ว”
|
นอกจากนี้ พรรคและรัฐเวียดนามได้วางแนวทางที่ถูกต้องให้แก่การพัฒนาเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยปฏิบัติแนวทางการเปลี่ยนพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมในท้องถิ่นให้กลายเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง ซึ่งได้มีส่วนร่วมต่อการแก้ปัญหางานทำและเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ใช้แรงงานนับล้านคน โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยในท้องที่ จากการตระหนักได้ดีเกี่ยวกับบทบาทที่สำคัญของเศรษฐกิจการเกษตร พื้นที่ชนบทและความต้องการในการพัฒนาประชาชนในท้องถิ่น เมื่อปี 2008 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ประกาศมติที่ 26 ว่าด้วยการเกษตร เกษตรกรและชนบทและนับตั้งแต่ปี 2009 ก็ได้มีการทดลองรูปแบบชนบทใหม่ใน 11 ตำบลทั่วประเทศซึ่งในปัจจุบันก็ได้ประสบผลสำเร็จที่น่ายินดี เวียดนามสามารถพัฒนาโครงการเป้าหมายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาชนบทใหม่ระยะปี 2010-2020 โดยพยายามให้ถึงปี 2015 ทั่วประเทศมีตำบลที่บรรลุมาตรฐานชนบทใหม่ร้อยละ 20 จากผลสำเร็จที่น่ายินดีของการพัฒนาการปลูกข้าวในทุ่งนาขนาดใหญ่ในจ. An Giang ได้ทำให้จ.อื่นๆในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงเริ่มปฏิบัติตามรูปแบบดังกล่าวแล้วเพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างเกษตรกรกับสถานประกอบการ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามประสบผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า นาย Dang Kim Son หัวหน้าสถาบันวิจัยนโยบายของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนามกล่าวต่อไปว่า “
บทบาทพิเศษของการเกษตรและเศรษฐกิจชนบทใน 25 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญ ซึ่งเราได้ประจักษ์ถึงผลสำเร็จแล้วและในอนาคตเราจะให้ความสำคัญต่อบทบาทของเกษตรกรรมต่อไปเพราะว่าในระยะกลางและระยะยาว หรือในอีก 50 ปีข้างหน้า ราคาของสินค้าการเกษตรจะถีบตัวสูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและเชื้อเพลิงที่เริ่มร่อยหรอลงไป ดังนั้นในอนาคต เกษตรกรรมจะมีบทบาทมากขึ้น”
ในการพัฒนาผลสำเร็จจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศในตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ภาคการเกษตรเวียดนามกำลังปฏิบัตินโยบายที่สำคัญต่างๆเพื่อให้หน่วยงานการเกษตรพัฒนาอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับศักยภาพและบทบาทเป็นผู้เดินหน้าในการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและกระบวนการพัฒนาประเทศให้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย./.