สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและท่าน เหงียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามพบปะกับเจ้าหน้าที่ทหารและนักศึกษาเคยปฏิบัติหน้าที่และศึกษาในกัมพูชา (vietnamplus) |
ความสัมพันธ์เวียดนาม-กัมพูชาคือความสัมพันธ์พิเศษที่ถูกทดสอบผ่านความผันผวนทางประวัติศาสตร์ โดยผู้นำทั้งสองประเทศถือว่า ความสัมพันธ์เพื่อนบ้านที่ดีงาม ยาวนาน ความร่วมมือในทุกด้านและยั่งยืนระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ต้องพยายามรักษา สามัคคีและพัฒนา
ก้าวเดินที่กว้างไกลของสัมพันธไมตรีและความร่วมมือ
ในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา สัมพันธไมตรีที่ยาวนานและความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาได้บรรลุผลงานในหลายด้าน โดยตั้งแต่ช่วงปี 1990 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้มีก้าวเดินพัฒนาที่เข้มแข็ง ผ่านการเยือนระหว่างกันของผู้นำทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันทำนุบำรุงความสัมพันธ์สามัคคี สัมพันธไมตรีที่ยาวนานและความร่วมมือที่ดีงามระหว่างสองประเทศ ในการย้ำถึงผลสำเร็จของความสัมพันธ์เวียดนาม-กัมพูชาในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์ ได้ยืนยันว่า “ผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญคือประชาชนทั้งสองประเทศได้สามัคคี อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมมือและให้การช่วยเหลือกัน รวมทั้งการเสียสละเลือดเนื้อเพื่อภารกิจการปลดปล่อยประชาชาติ เพื่ออิสระ เสรีภาพ ความผาสุกและสร้างสรรค์ประเทศให้เจริญรุ่งเรืองของเวียดนามและกัมพูชา จากการฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายของความผันผวนในประวัติศาสตร์ ความสามัคคี สัมพันธไมตรีที่ยาวนานและความร่วมมือที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ส่วนลึกและมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนั้น สัมพันธไมตรีและความร่วมมือเวียดนาม-กัมพูชาไม่เพียงแต่พัฒนาในระดับทวิภาคีเท่านั้น หากทั้งสองประเทศยังร่วมมือ ผูกพันและสนับสนุนกันในฟอรั่มทั้งในระดับภูมิภาคและโลก
สมเด็จ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน |
ร่วมกันสร้างสรรค์อนาคต
ในการเข้าพบเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนเวียดนามเมื่อเดือนกันยายนปี 2012 พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชาทรงยืนยันว่า “กัมพูชาและเวียดนามเป็นสองประเทศที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ความสัมพันธ์ที่ล้ำค่าระหว่างสองประเทศต้องได้รับการส่งเสริมในระยะสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ” ซึ่งบนเจตนารมณ์นี้ เวียดนามและกัมพูชาได้อยู่เคียงข้างกัน ร่วมมือบนหลักการให้ความเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศของกัน ให้การช่วยเหลือกันเพื่อพัฒนา ซึ่งการที่กัมพูชามีสันติภาพ พัฒนาอย่างเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยั่งยืนและพัฒนาก็คือผลประโยชน์ของเวียดนาม
ในระยะปัจจุบัน ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ทั้งในระดับภูมิภาคและโลกมีการผันผวนอย่างซับซ้อน เพื่อรักษาและทำนุบำรุงความสัมพันธ์ ความสามัคคีและสัมพันธไมตรีที่ยาวนานระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ผู้นำเวียดนามและกัมพูชาได้กำหนดว่า ต้องมีความระมัดระวังและขัดขวางทุกแผนกุศโลบายของกลุ่มอิทธิพลที่เป็นอริทั้งภายในและต่างประเทศที่กำลังแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ ความสามัคคีและสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ ตลอดจนแผนการยุยงส่งเสริมลัทธิชาตินิยม การเหยียดเชื้อชาติ ปฏิเสธความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความสามัคคีในการต่อสู้และการช่วยเหลือกันในการปลดปล่อยประชาชาติ ประชาชนทั้งสองประเทศต้องตระหนักได้ดีและมีความรับผิดชอบในการธำรงเสถียรภาพความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ปกป้อง ทำนุบำรุงสัมพันธไมตรีที่ล้ำค่า เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของประชาชนของแต่ละประเทศ มีส่วนร่วมต่อการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพของภูมิภาค ทั้งนี้ การฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและปีมิตรภาพเวียดนาม-กัมพูชาคือโอกาสเพื่อยืนยันถึงความตั้งใจของทั้งสองประเทศในการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ฉันท์ประเทศเพื่อนบ้านที่ดีงาม สัมพันธไมตรีที่ยั่งยืนและยาวนาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์ ได้ย้ำว่า “นี่คือโอกาสเพื่อให้ทั้งสองประเทศทบทวนเกียรติประวัติทางประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์ ให้การศึกษาเกียรติประวัติแก่ชนรุ่นใหม่ของเวียดนามและกัมพูชาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยาวนานระหว่างสองประเทศพี่น้อง อีกทั้งเป็นโอกาสเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อวีรชนที่ได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อสันติภาพของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะทหารอาสาเวียดนามที่ได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปลดปล่อยประชาชนกัมพูชาให้หลุดพ้นจากระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สำนักงาน กระทรวงและหน่วยงานต่างๆของทั้งสองประเทศต้องสรุปความสัมพันธ์ร่วมมือ ถอดบทเรียนเกี่ยวกับความสำเร็จและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อวางแนวทางผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจในเวลาที่จะถึง”
ด้วยประวัติศาสตร์ของความสามัคคคี ความผูกพันธ์ สัมพันธไมตรีที่ยาวนาน ความร่วมมือในทุกด้าน ให้การช่วยเหลือกันอย่างทันการณ์และมีประสิทธิภาพด้วยความบริสุทธิ์ในตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา สามารถยืนยันได้ว่าความสัมพันธ์เวียดนามและกัมพูชามีศักยภาพอย่างเข้มแข็งเพื่อพัฒนาอย่างรอบด้านในเวลาที่จะถึง.