(VOVworld) – ในเวลาที่ผ่านมา บางองค์กรและบุคคลที่ขาดความหวังดีได้กุเรื่อง บิดเบือนความจริงว่า เวียดนามขาดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพด้านสื่อมวลชน และมีการจำกัดการเข้าถึงอินเตอร์เนต อาทิเช่น ในรายงานประจำปีที่เสนอก่อนวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก๓พฤษภาคมที่ผ่านมา องค์กรFreedom House ได้จัดเวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศที่ขาดเสรีภาพด้านสื่อมวลชนดังนั้นเพื่อช่วยให้ท่านผู้อ่านมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกิจกรรมสื่อมวลชน โดยเฉพาะ เสรีภาพด้านอินเตอร์เนตของเวียดนามขอเชิญท่านอ่านบทวิเคราะห์เรื่องความจริงเกี่ยวกับเสรีภาพด้านสื่อมวลชนในเวียดนาม
|
บรรดาผู้สื่อข่าวเวียดนามกำลังทำข่าว(Photo:Internet ) |
(VOVworld) – นับตั้งแต่ปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศในทุกด้าน เมื่อปี๑๙๘๖มาจนถึงปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์และรัฐให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการพัฒนาสื่อมวลชนและกลไกสื่อสารมวลชน จนถึงเดือนมีนาคมปี๒๐๑๒ ทั่วประเทศมีนักข่าวที่มีบัตรประจำตัวสื่อมวลชนเกือบ๑๗๐๐๐คนเพิ่มขึ้นเป็น๓เท่าเมื่อเทียบกับปี๑๙๘๖ มีสำนักงานหนังสือพิมพ์๗๘๖แห่งพร้อมกับสื่อสิ่งพิมพ์๑๐๑๖ชิ้น มีสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ส่วนกลางและระดับจังหวัด๖๗แห่ง นอกจากประชาสัมพันธ์แนวทางและนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐแล้ว สื่อมวลชนเวียดนามยังส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยอย่างกว้างขวาง รับฟังเสียงสะท้อนจากสังคม มีส่วนร่วมกำหนดแนวทางของพรรค แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของรัฐบาล ป้องกันและปราบปรามการคอรัปชั่น ภัยสังคม และการประพฤติมิชอบ สื่อมวลชนเวียดนามเป็นฟอรั่มเพื่อส่งเสริมสิทธิการเป็นเจ้าของ สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เป็นช่องข่าวสารสำคัญที่สนับสนุนการนำ การบริหารของพรรคคอมมิวนิสต์และ รัฐและ เป็นสะพานเชื่อมระหว่างพรรค รัฐ กับประชาชน สื่อมวลชนเวียดนามไม่ได้ถูกจำกัดการปฏิบัติหน้าที่หากได้รับการสนับสนุนให้สะท้อนความเป็นจริงของชีวิตสังคมในทุกด้าน รวมทั้งข้อดีและข้อเสีย รวมทั้งสถานการณ์ภายในประเทศและระหว่างประเทศอยู่เสมอ อีกทั้งในเวียดนามหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีโทรทัศน์และอินเตอร์เนตต่างก็ได้รับการลงทุนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในด้านอินเตอร์เนต ถ้าพูดว่า เวียดนามจำกัดสิทธิด้านอินเตอร์เนตนั้นเป็นคำกล่าวไม่ถูกต้องเนื่องจากนับตั้งแต่เวียดนามเข้าร่วมเครือข่ายอินเตอร์เนตโลกเมื่อ๑๐ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน เวียดนามมีผู้ใช้บริการอินเตอร์เนตถึง๒๗ล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ๓๑ของประชากรทั่วประเทศ นายPhạm Quốc Nhật ผู้อำนวยการบริษัทซอฟแวร์Nhật Cường ฮานอยกล่าวว่า“เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้มแข็งที่สุด โดยเฉพาะ อินเตอร์เนตได้รับการขยายไปสู่หมู่บ้านและตำบลแทบทุกแห่งซึ่งได้รับการรับรองจากนานาประเทศ ประชาชนเวียดนามสามารถค้นหาข่าวสารข้อมูลบนอินเตอร์เนตได้อย่างเสรีดังนั้น คำพูดที่ว่า เวียดนามจำกัดการใช้อินเตอร์เนตเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” มิใช่เป็นการบังเอิญ ที่เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวด้านอินเตอร์เนตสูงที่สุดของภูมิภาคและเป็นอันดับต้นๆของโลก นายLưu Vũ Hải อธิบดีกรมวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์และการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์แห่งกระทรวงสื่อสารประชาสัมพันธ์ได้กล่าวว่า การพัฒนาอย่างก้าวประโดดนี้มาจากความสนใจเป็นพิเศษของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐที่มีต่อสื่อมวลชน โดยเฉพาะ เทคโนโลยีอินเตอร์เนต อย่างไรก็ดี เวียดนามก็เหมือนกับประเทศอื่นๆที่มีข้อกำหนดในการใช้อินเตอร์เนตเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามและความมั่นคงของประเทศ ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากเรียกร้องให้มีเสรีภาพด้านสื่อมวลชน รวมทั้งเสรีภาพอินเตอร์เนตตามความเข้าใจจากฝ่ายเดียวนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นการมองเพียงด้านเดียว“เวียดนามส่งเสริมการใช้อินเตอร์เนตในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคมเพื่อเพิ่มผลผลิต อำนวยความสะดวกให้องค์กรและบุคคลเข้าร่วมการลงทุนด้านอินเตอร์เนต ผลักดันการประชาสัมพันธ์ ให้การศึกษาและแนะนำกฏหมายด้านอินเตอร์เนต เวียดนามก็มีมาตรการยับยั้งพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อความมั่นคงของชาติ การละเมิดคุณธรรม การกระทำที่ขัดกับขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม การละเมิดกฏหมาย รวมทั้งมาตรการปกป้องเด็กจากผลกระทบในทางลบของอินเตอร์เนต” นางยายมา ชาวเสปนคนหนึ่งที่อาศัยในเวียดนามมาหลายปีกล่าวว่า คำพูดที่ว่าเวียดนามจำกัดเสรีภาพด้านอินเตอร์เนตเป็นสิ่งที่ขาดภาวะวิสัย ไม่เพียงแต่ชาวเวียดนามเท่านั้นหากชาวต่างชาติดังเธอก็สามมรถใช้อินเตอร์เนตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นโยบายบริหารอินเตอร์เนตของเวียดนามก็เหมือนกับประเทศอื่นๆนั่นคือ ผลักดันการพัฒนาอินเตอร์เนต อำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถใช้บริการอินเตอร์เนตซึ่งสอดคล้องกับกฏหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวได้ว่า ประเทศนี้ ประเทศโน้นไม่มีเสรีภาพด้านอินเตอร์เนตและสื่อมวลชน เธอกล่าวว่านับตั้งแต่มาปฏิบัติงานในเวียดนาม เธอไม่ประสบอุปสรรคในการใช้บริการอินเตอร์เนตและยังคงติดต่อกับญาติมิตรในบ้านเกิดผ่านอินเตอร์เนต เธอคิดว่า แต่ละประเทศต่างมีข้อกำหนดในการพัฒนาอินเตอร์เนตให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติตน” ทั้งนี้และทั้งนั้นแสดงให้เห็นว่า เวียดนามไม่เคยถืออินเตอร์เนตเป็นศัตรูดังที่องค์กร“นักข่าวไร้พรมแดน”ได้ระบุในรายงานประจำปี๒๐๑๒ที่ผ่านมา การพัฒนาอินเตอร์เนตและกิจกรรมสื่อมวลชนในเวียดนามแสดงให้เห็นว่า เสรีภาพสื่อมวลชนในเวียดนามไม่เพียงแต่ได้รับการปกป้องจากกฏหมาย ระเบียบ นโยบายที่โปร่งใสเท่านั้นหากยังแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนในชีวิตประจำวัน สิ่งที่องค์กร“นักข่าวไร้พรมแดน” Freedom Houseและบางองค์กรหรือบุตคลในต่างประเทศถือว่า เวียดนามขาดเสรีภาพด้านสื่อมวลชน มีการจำกัด และห้ามใช้อินเตอร์เนตนั้นเป็นการเดินทวนกับสถานการณ์ที่เป็นจริงในเวียดนาม และข่าวปั้นแต่งที่ไร้มูลความจริงนี้ แสดงให้เห็นว่า อิทธิพลที่เป็นอรินับวันยิ่งใช้ทุกวิถีทางและแผนกุศโลบายเพื่อบ่อนทำลายเวียดนามในด้านแนวความคิดและวัฒนธรรมเพื่อกีดขวางการพัฒนาและการผสมผสานของเวียดนาม./.