(VOVWorld)-วันที่๒๘มีนาคมได้กลายเป็นนิมิตหมายในความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรปหรืออียู โดยนาง เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ลงนามเอกสารที่เริ่มกระบวนการถอนตัวออกจากอียูหรือBrexitภายหลัง๔๔ปีที่เป็นสมาชิกอียู แต่อย่างไรก็ดี Brexitเป็นกระบวนการที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและอาจต้องใช้เวลากว่า๒ปีเพื่อทำการเจรจา แน่นอนว่า ทั้งสองฝ่ายต่างไม่อยากเสร็จสิ้นการเจรจา โดยไม่ได้อะไรแต่นี่เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่ายนักเนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีจุดยืนที่แตกต่างกัน
นาง เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ (Photo: Reuters)
|
ถึงแม้กระบวนการปฏิบัติBrexitได้เริ่มแล้วแต่การเจรจารอบแรกระหว่างอังกฤษกับอียูจะถูกจัดขึ้นจนกว่า๒๗ประเทศสมาชิกอียูจะบรรลุความเห็นพ้องเกี่ยวกับปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการเจรจา รวมถึง หลักการและรูปแบบของการเจรจาครั้งต่างๆ คาดว่า สหภาพยุโรปจะประกาศแนวทางการเจรจาเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากอียูของอังกฤษในวันที่๓๑มีนาคมนี้และมีความเป็นไปได้ที่การเจรจารอบแรกจะถูกจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายนนี้
ความประสงค์เกี่ยวกับกระบวนการBrexitที่ดำเนินไปอย่างสะดวก
ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่๒๙มีนาคม นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เผยว่า อังกฤษมีความประสงค์ว่า การเจรจาเกี่ยวกับBrexitจะดำเนินไปอย่างราบรื่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กระบวนการเจรจา หลังจากที่ลงนามเอกสารดังกล่าว นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้มีการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์กับนาย โดนัล ทุสค์ ประธานสภายุโรป นาย ฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมการยุโรปและนาง อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี บรรดาผู้นำได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับอียูที่มีความเข้มแข็งเพื่อผลประโยชน์ของแต่ละประเทศสมาชิกและอังกฤษยังเป็นประเทศพันธมิตรของอียู พร้อมทั้ง ย้ำว่า การเจรจาอย่างมีความคิดสร้างสรรค์และการค้ำประกันกระบวนการ Brexitที่ดำเนินไปอย่างสะดวกมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน สมาชิกรัฐบาลอังกฤษได้เผยว่า พร้อมที่จะผ่อนปรนจุดยืนในบางปัญหา เช่น บทบาทของศาลยุติธรรมยุโรป จำนวนเงินที่ต้องจ่ายเนื่องจากการถอนตัวออกจากอียูที่๕หมื่นล้านปอนด์ สิทธิของพลเมืองอียูในอังกฤษ การผลักดันความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างอังกฤษกับอียู การหลีกเลี่ยงการทำลายความสัมพันธ์ที่ยาวนานหลายสิบปีระหว่างสองฝ่าย เป็นต้น
|
ต้องเผชิญกับอุปสรรค์ไม่น้อย
ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายได้เผยว่า จะทำการเจรจาบนเจตนารมณ์แห่งการสร้างสรรค์แต่ทั้งสองฝ่ายยังมีปัญหาความขัดแย้ง โดยผู้นำอียูบางท่านได้เปิดเผยว่า ไม่อยากขัดขวางกระบวนการBrexitแต่ในสภาวการณ์ที่ลัทธิประชานิยมกำลังพัฒนาและพรรคการเมืองที่มีแนวคิดต่อต้านอียูได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากในหลายประเทศ อียูไม่สามารถเสนอเงื่อนไขปฏิบัติได้ง่าย ซึ่งจะเปิดทางให้แก่ประเทศสมาชิกอื่นๆถอนตัวออกจากอียูเหมือนอังกฤษ
การเจรจาระหว่างอังกฤษกับอียูกำลังประสบอุปสรรคเนื่องจากฝ่ายอียูตั้งเงื่อนไขที่ว่า อังกฤษต้องอนุมัติหลักการถอนตัวออกจากอียูก่อนการจัดทำการเจรจาทางการค้า ซึ่งอังกฤษต้องยอมรับหน้าที่การสนับสนุนเงินและกำหนดสิทธิของผู้อพยพ๔ล้านคนอย่างชัดเจน รวมทั้ง พลเมืองอียูในประเทศอังกฤษและพลเมืองอังกฤษในอียู ในการกล่าวปราศรัย ณ กรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่๒๙มีนาคม นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ปฏิเสธความปรารถนาของนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ว่า อังกฤษและอียูจะทำการเจรจาเกี่ยวกับทั้งปัญหาBrexitและอนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย โดยเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์ทวิภาคีจนกว่าจะเสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาBrexit ส่วนนาย โดนัล ทุสค์ ประธานสภายุโรปได้ยืนยันว่า ๒๗ประเทศสมาชิกอียูจะปกป้องผลประโยชน์ของตนในการเจรจาครั้งต่างๆก่อนที่Brexitมีผลบังคับใช้ในปี๒๐๑๙ ส่วนฝ่ายอังกฤษมีความประสงค์ที่จะยกเลิกข้อกำหนดบางข้อของอียูที่เห็นว่า ขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของอังกฤษหลังจากที่เสร็จสิ้นการเจรจาในเดือนมีนาคมปี๒๐๑๙ โดยไม่รอการเสร็จสิ้นกระบวนการเปลี่ยนผ่าน ถ้าหากไม่สามารถบรรลุความเห็นพ้องกัน อังกฤษจะปรับลดภาษีสำหรับสถานประกอบการต่างชาติในอังกฤษให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด ลดขั้นตอนการทำระเบียบราชการและข้อกำหนดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับอียู
ก่อนการเจรจาครั้งต่างๆเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางของทั้งอังกฤษและอียู ทั้งสองฝ่ายต่างมีความประสงค์ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนแต่ก็มีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากการเจรจาตกเข้าสู่ภาวะชงักงัน ก็จะไม่มีฝ่ายใดได้รับประโยชน์
ตามกำหนด ใน๒ปีข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายความอดทนและความปรารถนาดีของทั้งอังกฤษและอียูในการกำหนดความสัมพันธ์หุ้นส่วนใหม่เพื่อผลประโยชน์และบรรลุผลงานที่สร้างความพอใจให้แก่ทั้งสองฝ่าย แต่ก่อนอื่น อังกฤาและอียูต้องบรรลุความเห็นพ้องในการเจรจาครั้งต่างๆก่อน.