นาง ฟานถิแทงซวน รองประธานและเลขาธิการใหญ่สมาคมเครื่องหนัง - รองเท้า – กระเป๋าถือเวียดนาม (haiquanonline.com.vn) |
อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิตมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 25.6 ของ GDP ในปี 2022 และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแปรรูปคิดเป็นร้อยละ 89 ของโครงสร้างการส่งออกของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2022 เนื่องจากความผันผวนที่ซับซ้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 และความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในหลายประเทศและดินแดน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งและโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นซึ่งสร้างอุปสรรคต่อสถานประกอบการเวียดนามเนื่องจากคำสั่งซื้อลดลงและการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต นาง ฟานถิแทงซวน รองประธานและเลขาธิการใหญ่สมาคมเครื่องหนัง - รองเท้า – กระเป๋าถือเวียดนามกล่าวว่า ในปี 2023 สถานประกอบการเวียดนามต้องเป็นฝ่ายรุกในการแสวงหาแหล่งจัดสรรวัตถุดิบ ผลักดันการประยุกต์ใช้และปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล
“เราต้องเป็นฝ่ายรุกในการผลิตวัตถุดิบในเวียดนามเพื่อเป็นฝ่ายรุกเกี่ยวกับแหล่งจัดสรรและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ต้องเดินหน้าลงทุนเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสนับสนุน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมูลค่าสูง เช่น เครื่องหนังและเครื่องหนังเทียม ต้องประยุกต์ใช้และปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพการบริหาร ลดต้นทุนและยังเป็นหนึ่งในวิธีการเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับสถานประกอบการ”
นาย หวูห่าเซิน ผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์และอุตสาหกรรมนครเกิ่นเทอแสดงความเห็นว่า ต้องแก้ไขอุปสรรคเกี่ยวกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อให้สถานประกอบการสามารถผลิตและประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน
“ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งในการประชุมกับจังหวัดต่างๆในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง แต่แหล่งเงินทุนก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับสถานประกอบการ นี่เป็นปัญหาสำคัญมาก ดังนั้น สำนักงานพาณิชย์และอุตสาหกรรมเกิ่นเทอยังคงเสนอให้นายกรัฐมนตรีและธนาคารแห่งชาติชี้นำระบบองค์กรสินเชื่อเพื่อช่วยให้สถานประกอบการฟันฝ่าความยากลำบาก”
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม โด๋ทั้งหาย (VTC) |
การเติบโตทางอุตสาหกรรมของท้องถิ่นต่างๆในปี 2022 ได้แสดงให้เห็นว่า ต้องส่งเสริมความได้เปรียบของศักยภาพและจุดแข็งของท้องถิ่นต่อไปเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีจุดแข็งเพื่อนำมาซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมยืนยันว่า จะปฏิบัติโครงการยกระดับความสามารถให้แก่สถานประกอบการอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมท้องถิ่นที่มีศักยภาพเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อแนะนำการจัดทำยุทธศาสตร์ โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับความได้เปรียบเกี่ยวกับการแข่งขันและแหล่งพลังต่างๆของท้องถิ่น”
กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจะยังคงส่งเสริมการก่อสร้างและการดำเนินการศูนย์เทคนิคเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคเหนือและภาคใต้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่า ศูนย์ทั้งสองแห่งนี้จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสแรกของปี 2023 โดยมีบทบาทเป็นจุดศูนย์รวมในการเชื่อมโยงกับศูนย์เทคโนโลยีและเทคนิคการผลิตของท้องถิ่น เชื่อมโยงอุปสงค์และอุปทาน และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมสนับสนุนในภูมิภาค นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯวางแผนที่จะก่อสร้างศูนย์สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจหลักเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่สถานประกอบการอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม โด๋ทั้งหาย กล่าวว่า
“กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมเน้นปรับปรุงร่างกฎหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีความสมบูรณ์เพื่อส่งรายงานไปยังหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบเพื่อยื่นเสนอให้สภาแห่งชาติพิจารณาและอนุมัติในช่วงปี 2023-2024 เพื่อเป็นพื้นฐานทางนิตินัยสำหรับกิจกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมในยุคใหม่ ระดมพลังทุกแหล่งเพื่อเข้าร่วมการลงทุน ผลิตและประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะการลงทุนโครงการสำคัญๆเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนสำหรับการเติบโตใหม่เพื่อมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ”
ในปี 2023 หน่วยงานพาณิชย์และอุตสาหกรรมยังผลักดันการช่วยเหลือสถานประกอบการในการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อป้องกันความเสี่ยงของการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการค้ำประกันแหล่งจัดสรร โดยเฉพาะ สินค้าและวัตถุดิบที่มีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนชั่วคราวหรือขาดแคลนในระยะยาว เพื่อมีนโยบายส่งเสริมแหล่งจัดสรรที่เหมาะสม ดำเนินโครงการเชื่อมโยงสถานประกอบการภายในประเทศเพื่อเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานของสถานประกอบการที่มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI และสถานประกอบการขนาดใหญ่ระดับโลก อีกทั้ง เน้นแก้ไขอุปสรรคเพื่อดำเนินโครงการอุตสาหรรมที่สำคัญเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ปฏิบัติมาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพในการผลิตอย่างพร้อมเพรียง ค้ำประกันความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานของสินค้าพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำมัน ไฟฟ้า ถ่านหินและปุ๋ยเพื่อค้ำประกันความต้องการด้านพลังงานสำหรับการผลิตและชีวิตประจำวันของประชาชน.