อำนวยความสะดวกให้เศรษฐกิจภาคเอกชนมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2019 |
ในหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจภาคเอกชนได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยในปี 2018 การลงทุนภาคเอกชนได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 43 การลงทุนด้านสังคม ในไตรมาสแรกปี 2019 การขยายตัวของเศรษฐกิจสังคมของเวียดนามได้บรรลุอัตราที่น่าประทับใจ ส่วนจำนวนสถานประกอบการเกิดใหม่ก็อยู่ที่ประมาณ 28,500 แห่ง สูงที่สุดในรอบ 5 ปีเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น นายเหงียนบิ๊กเลิม หัวหน้าทบวงสถิติได้เผยว่า ผลสำเร็จดังกล่าวของเวียดนามมาจากการบริหารอย่างคล่องตัวและเด็ดขาดของรัฐบาลในการปฏิบัติแนวทาง “ระเบียบวินัย สุจริต ปฏิบัติ มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างก้าวกระโดดและมีประสิทธิภาพ” พร้อมทั้งมีกลไกและนโยบายเพื่อสร้างก้าวกระโดดให้แก่เศรษฐกิจภาคเอกชน นายเหงียนบิ๊กเลิมเผยว่า “ในไตรมาสแรกของปี 2019 อัตรการการขยายตัวใน 3 ด้านคือ การเกษตร ป่าไม้ สัตว์น้ำ อุตสาหกรรม – การก่อสร้างและการบริการ ต่างสูงกว่าปีที่แล้ว โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจและการค้าโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่วนเศรษฐกิจของเราเป็นเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง ซึ่งอาศัยเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้น อัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 6.79 ก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี”
ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงปลายปี พลังขับเคลื่อนในการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามยังคงมาจากเศรษฐกิจภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจในด้านการผลิต การแปรรูปและสถานประกอบการที่ใช้เงินทุนจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอ นายดิงต๊วนมิงห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจให้ข้อสังเกตว่า “เพื่อบรรลุอัตราการขยายตัวในระดับสูงและรวดเร็ว จำเป็นต้องสร้างก้าวกระโดดผ่านการอุดหนุนเงินทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น สินเชื่อของรัฐบาล แต่หลังจากนั้น เราก็ต้องรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ถ้าหากไม่มีแรงกระตุ้นแบบนั้น เราก็ต้องยืนหยัดปฏิบัติแนวทางให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆถึงอุปทาน การปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจ ผลักดันการแปรสถานประกอบการภาครัฐให้เป็นบริษัทหุ้นส่วนและดึงดูดนักลงทุน”
มติของคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 5 สมัยที่ 12 ระบุว่า เศรษฐกิจภาคเอกชนคือแรงกระตุ้นสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลได้แปรแนวทางนี้ให้เป็นก้าวกระโดดที่ต้องปฏิบัติภายในปี 2019 กระทรวงวางแผนและการลงทุนได้ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลเพื่อประกาศมติเกี่ยวกับการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและตัดลดเงื่อนไขต่างๆในการประกอบธุรกิจ พร้อมทั้งสั่งให้กระทรวง หน่วยงานและทางการท้องถิ่นต้องปฏิบัติแผนการนี้ให้ประสบความสำเร็จเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้นให้แก่สถานประกอบการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการและเศรษฐกิจ รองศ.ดร. โตจุงแถ่ง จากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติเผยว่า ก้าวกระโดดในการปฏิรูประเบียบราชการจะสร้างแรงกระตุ้นให้แก่การพัฒนาของเศรษฐกิจภาคเอกชนเพื่อมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2019 “ต้องมีมาตรการขั้นพื้นฐานและเน้นนโยบายที่ให้ความสนใจถึงอุปทานเพื่อเพิ่มผลผลิต เราควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะภาคเอกชน นอกจากนี้ ควรมีการปรับปรุงความโปร่งใสของธนาคารและสถาบันการเงิน ตรวจสอบการให้สิทธิพิเศษต่อสถานประกอบการเอฟดีไอ โดยเฉพาะสถานประกอบการเอฟดีไอที่ประกอบธุรกิจขาดประสิทธิภาพและเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่สถานประกอบการเอฟดีไอที่ประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการปรับตัวและรับมือกับผลกระทบจากภายนอกเพื่อรักษาสมดุลให้แก่เศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านหนี้สาธารณะและงบประมาณ รักษาเสถียรภาพในระดับมหภาค ความพร้อมเพรียงและความโปร่งใส”
อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านเศรษฐกิจในปีนี้เพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอาจต่ำกว่าในปี 2018 ดังนั้น รัฐบาลเวียดนามจึงพยายามธำรงและปรับปรุงความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ซึ่งถือเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของเวียดนามทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว.