(Photo internet)
|
อาจกล่าวได้ว่า การค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีดิจิตอลกำลังเปิดโอกาสให้สถานประกอบการเวียดนามเจาะตลาดโลกและเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าโลก ปัจจุบันนี้ แค่มีคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องหรือ Smart Phone 1 เครื่อง สถานประกอบการขยาดย่อมและขนาดจิ๋วก็สามารถเข้าถึงตลาดโลกและทำธุรกรรมได้ ดังนั้น ถ้าหากมองในแง่ดี การค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีดิจิตอลได้เปิดโอกาสให้แก่สถานประกอบการเวียดนาม
แต่เพื่อยกระดับความสามารถในการเข้าถึงตลาดโลกและบรรลุมาตรฐานสากล สถานประกอบการเวียดนามไม่ควรนั่งรอเท่านั้น หากต้องเตรียมความพร้อมในขั้นพื้นฐานและทักษะความสามารถเพื่อตอบสนองความต้องการของการปฏิวัติดังกล่าว นายเหงียนแหม่งห่าว ผู้อำนวยการบริษัทภาษาอังกฤษ AMES ซึ่งเป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษชั้นนำในเวียดนามเผยว่า ทางบริษัทฯได้เตรียมพร้อมสำหรับการผสมผสานกับกระบวนการนี้แล้ว “เมื่อหลายปีก่อน เรามีทีมเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อวิจัยและประยุกต์ใช้ และขณะนี้ เราภูมิใจที่เป็นบริษัทแห่งแรกในเวียดนามเปิดโอกาสให้แก่นักเรียนในท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศเข้าถึงการเรียนภาษาอังกฤษคุณภาพสูง นักเรียนและนักศึกษาเวียดนามได้เรียนภาษาอังกฤษกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เพื่อช่วยฝึกการออกเสียง ทำการบ้านและข้อสอบ”
สำหรับบริษัทหุ้นส่วนการลงทุนและพัฒนาตัวเมืองเซินอาน ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาตัวเมือง มีจุดแข็งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานและในโครงการใหม่ๆ เช่น การพัฒนาตัวเมืองอัจฉริยะ นายเหงียนคักเซิน ประธานกรรมการบริษัทฯ ยืนยันว่า “เราเริ่มใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ 4.0 ในโครงการตัวเมืองอัจฉริยะ โดยชาวเมืองสามารถใช้ smartphone เพื่อเปิดปิดของประตูและไฟฟ้าในห้อง ช่วยประหยัดไฟฟ้าและเพิ่มความปลอดภัย นอกจากนี้ เรายังประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงหรือ VR เพื่อช่วยให้ลูกค้าไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถชมห้องที่อยากซื้อได้เหมือนกำลังอยู่ในสถานที่จริง”
ปัจจุบันนี้ นครเบียนหว่า จังหวัดด่งนายและจังหวัดบิ่งเยืองกำลังวางแผนก่อสร้างตัวเมืองและอาคารอัจฉริยะ ซึ่งทางบริษัทเซินอานมีความประสงค์ว่า จะขยายและเชื่อมโยงตัวเมืองอัจฉริยะเหล่านี้ในอนาคตเพื่อให้สามารถบริการผู้บริโภคได้ดีที่สุด
ในขณะที่มีสถานประกอบการเวียดนามหลายแห่งต้องแข่งกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ก็มีสถานประกอบการอีกหลายแห่งที่ให้ความสนใจพัฒนาบุคลากร โดยถือว่า เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆสามารถหาซื้อได้แต่สติปัญญาไม่สามารถซื้อได้ นาย เจิ่นแหมงบ๊าว ประธานกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่บริษัทหุ้นส่วนพันธุ์พืชท้ายบิ่งยืนยันว่า “การปฏิวัติทุกครั้งก็ต้องเริ่มจากมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นและประยุกต์ใช้ อุตสาหกรรม 4.0 เชื่อมโยงทุกอย่างและใช้ปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้น ถ้าหากมนุษย์ไม่มีทักษะความสามารถอย่างเพียงพอ ไม่รู้จักเทคโนโลยีก็ไม่สามารถใช้ได้ นี่คือปัญหาที่พวกเรากำลังเตรียมในยุทธศาสตร์การพัฒนาของบริษัท โดยจะฝึกอบรมและเพิ่มทักษะความสามารถให้แก่บุคลากรต่อไป”
ส่วนรัฐบาลเวียดนามก็ตระหนักได้ดีเกี่ยวกับบทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 จึงได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในเวียดนาม โดยเฉพาะสนับสนุนสถานประกอบการเวียดนามยกระดับความรู้และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในการบริหารและประกอบธุรกิจ นายหวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือวีซีซีไอเผยว่า “เครือข่ายทำธุรกิจ Start-up ต่างชาติและบริษัทชั้นนำต่างๆในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Google, Facebook และ Microsoft ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับวีซีซีไอ ดังนั้นพวกเขาก็เป็นองค์การที่น่าไว้วางใจสำหรับสถานประกอบการในการเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 4.0 ในการบริหารและประกอบธุรกิจ”
การจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ความคล่องตัวและศักยภาพของสถานประกอบการและประชาชนคือกุญแจให้แต่ละประเทศกำหนดแนวทางการพัฒนาในการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งการเป็นฝ่ายรุกของสถานประกอบการบวกกับการกำหนดแนวทางอย่างถูกต้องของรัฐบาล การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ถือเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการเวียดนามพัฒนาและสร้างฐานะที่มั่นคงในตลาดภายในประเทศและระหว่างประเทศในเวลาข้างหน้า.